ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2023/24 ปิดฉากลงไปแล้ว และมันคือหนึ่งในฤดูกาลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเมืองผู้ดีอย่างแท้จริง
ใครไม่เชื่อ…ไปดูสถิติเหล่านี้
1) ยิงกันยับ
พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 มีการทำประตูทั้งหมด 1,209 ประตู
ทำลายสถิติจำนวนประตูสูงสุด 1,084 ลูก ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลที่แล้วลงได้สำเร็จ (นับเฉพาะในฤดูกาลที่แข่งแบบ 380 นัด)
แต่ถ้ารวมทั้งหมด สถิติทำประตูสูงสุดเกิดขึ้นในฤดูกาล 1992/93 ซึ่งยิงกันยับถึง 1,222 ประตู แต่มีเกมเล่นทั้งหมด 462 แมตช์
นี่ยังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่จำนวนประตูเฉลี่ยต่อเกมมากกว่า 3 ประตู นั่นคือ 3.27 ประตูต่อเกม
มีเกมที่ยิงกันเยอะ (5 ประตูขึ้นไป) ถึง 22% ของเกมทั้งหมด ทุบสถิติ 17% ในฤดูกาล 2021/22
มีเกมที่ทีมที่เป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน พลิกกลับมาชนะได้ 62 นัด เท่ากับ 6.8% ของเกมทั้งหมด และมากกว่าทุกฤดูกาลที่ผ่านมา
การจ่ายบอลก็เป็นอีกอย่างที่พัฒนาขึ้นชัดเจน
ฤดูกาลนี้ มีการจ่ายบอลสำเร็จถึง 83% ดีที่สุดใน 16 ฤดูกาลหลัง หรือตั้งแต่ 2008/09
และ แอสตัน วิลลา กลายเป็นทีมที่ 8 ของพรีเมียร์ลีก ที่ได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ใน 3 ฤดูกาลหลัง
2) ลุ้นแชมป์โคตรเดือด
นี่คือครั้งที่ 3 ในรอบ 6 ฤดูกาลหลัง และเป็นครั้งที่ 10 ที่พรีเมียร์ลีก ต้องมาตัดสินกันในวันปิดฤดูกาล
มันเป็นฤดูกาลลุ้นแชมป์กันเดือดที่สุด และแต้มเฉลี่ยของช่องว่างระหว่างทีมอันดับ 1 และ 2 อยู่ที่แค่ 1.51 คะแนน มาตลอดฤดูกาล
นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992/93 ไม่เคยมีค่าเฉลี่ยนที่น้อยขนาดนี้มาก่อน
นอกจากนั้น ยังมีทีมที่เคยขึ้นเป็นจ่าฝูงถึง 7 ทีมในฤดูกาลนี้ ได้แก่
ลิเวอร์พูล 87 วัน, อาร์เซนอล 76 วัน, แมนฯ ซิตี 76 วัน, สเปอร์ส 26 วัน, ไบรท์ตัน 7 วัน, นิวคาสเซิล 7 วัน และ เวสต์แฮม 2 วัน
3) แข้งท้องถิ่นแจ้งเกิด
ไม่ได้มีแค่แข้งต่างชาติที่ทำให้พรีเมียร์ลีกบูมอีกต่อไป แต่นักเตะท้องถิ่น (home-grown) ก็ขึ้นมาสร้างแรงกระเพื่อมได้ไม่น้อยในฤดูกาลนี้
มีนักเตะ home-grown ได้ประเดิมเล่นชุดใหญ่ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ 61 คน ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 10 ปีหลัง
และยังมีนักเตะอังกฤษทำประตูได้ 359 ประตู ซึ่งถือว่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 2001/02
ที่สำคัญคือมีนักเตะผู้ดีติดท็อป 10 ในอันดับดาวซัลโวถึง 6 คน
ด้านผู้เล่นต่างชาติ มีมากถึง 68 ชาติลงเล่นให้ทั้ง 20 ทีมในฤดูกาลนี้ และถ้านับตั้งแต่เปลี่ยนเป็นพรีเมียร์ลีก ในปี 1992 มีนักเตะถึง 123 ชาติลงเล่นในพรีเมียร์ลีก
อายุเฉลี่ยของผู้เล่นในฤดูกาลนี้คือ 26 ปี 169 วัน ต่ำที่สุดตั้งแต่ 2008/09 และต่ำสุดเป็นอันดับ 4 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก
4) ยอดคนดูกระฉูด
ยอดผู้ชมเฉลี่ยในสนามฤดูกาลนี้สูงถึง 98.7% ของความจุ เป็นสถิติสูงสุดเท่ากับฤดูกาลที่แล้ว และมี 18 จาก 20 สโมสร ที่ยอดผแฟนบอลเข้าชมสูงกว่า 97% ของความจุสนาม
ทางทีวี มีถึง 10 แมตช์ ที่มีแฟนบอลในสหราชอาณาจักรดูถ่ายทอดสดมากกว่า 3 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดเป็นสถิติ และทุบสถิติเดิมที่ทำไว้ 9 เกม ในฤดูกาล 2019/20 ลงได้
ส่วนยอดรวมทั้งหมด มีแฟนบอลยูเคดูการถ่ายทอดสด และไฮไลต์จากรายการ Match of the Day ทาง สถานีโทรทัศน์บีบีซีถึง 35.7 ล้านคน เทียบเป็น 59% ของยอดผู้ชมทีวีในยูเคเลยทีเดียว
5) บูมในต่างประเทศ
พรีเมียร์ลีก กลายเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอังกฤษไปเรียบร้อยแล้ว
มีถึง 189 ประเทศ จากสมาชิกสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทั้งหมด 193 ประเทศ ที่ซื้อลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกไปถ่ายทอดสด และมีบ้านถึง 900 ล้านหลังทั่วโลก สามารถรับชมเกมพรีเมียร์ลีกได้
คนถึง 1,870 ล้านคนทั่วโลก ติดตามดูพรีเมียร์ลีก และ 34% ของคนที่ติดตามทั้งหมด เริ่มสนใจใน 4 ปีหลัง
เกมระหว่าง แมนฯ ซิตี กับ อาร์เซนอล เมื่อ 31 มี.ค. 67 กลายเป็นเกมพรีเมียร์ลีกที่มีคนดูมากที่สุดในอเมริกา คือมากถึง 2.12 ล้านคน ผ่านทางช่อง NBC
และ 5 จาก 6 เกมพรีเมียร์ลีก ที่มีคนดูมากที่สุดในสหรัฐเกิดขึ้นในฤดูกาลนี้.