เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ภายหลัง นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า คณะกรรมการด้านการประเมินสถานภาพตัวประกันของรัฐบาลอิสราเอล ได้พิจารณาหลักฐานแวดล้อมที่เชื่อถือได้และแจ้งว่า ตัวประกันคนไทย 2 คนเสียชีวิตแล้ว คือ นายสนธยา อัครศรี และนายสุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ คาดว่าเป็นการเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงต้นของเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 66 สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล เผย 2 ร่าง ผู้เสียชีวิต แรงงานไทยถูกสังหารหมู่ ยังอยู่กับกลุ่มฮามาส จากจำนวนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว 8 ราย โดยผู้เสียชีวิตหนึ่งในนั้นคือนายสนธยา อัครศรี เป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำภูนั้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายสนธยา อัครศรี แรงงานไทยที่เสียชีวิตในเหยื่อสงคราม ที่บ้านโคกม่วย ตำบลบ้านพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู พบกับนางอมร อัครศรี ผู้เป็นมารดา นั่งอยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่รับโทรศัพท์เมื่อวานจากสถานกงสุล โทรฯมาแจ้งว่าบุตรชายได้เสียชีวิตแล้ว ตนเองอยู่ที่ท้องนา ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่พูดคุยกับสามี ส่วนตัวสามีก็รับไม่ไหวเหมือนกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บุตรชายได้ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลเป็นเวลา 5 ปี กับอีก 3 เดือน เดือนนี้ก็จะเป็นเดือนที่ครบกำหนดจะต้องกลับบ้านมาพัก บุตรชายเป็นเสาหลักของครอบครัว ไปทำงานได้ส่งเงินมาตลอด

หลังจากที่เกิดสงครามตั้งแต่เดือนตุลาคม 66 เป็นต้นมา ตนเองก็ได้แต่รอคอยความหวัง ว่าลูกชายจะกลับมา แต่ก็รอแล้วรอเล่า เล่นโซเชียลก็ไม่เป็น พยายามเปิดดูภาพดูทีวี ว่าเผื่อจะเห็นข่าวและทราบข่าวของลูกชาย และตนเองคิดว่าถ้าหน่วยงานของรัฐช่วยเหลือ หรือประสานงานได้เร็วกว่านี้ บุตรชายของแม่คงไม่เสียชีวิต เพราะว่าถ้าไม่ตายเพราะโดนระเบิด ก็ต้องตายเพราะอดอยาก ไม่มีอาหารกิน แม่มีความคิดเชื่ออย่างนั้น

ถ้าเกิดการประสานงานเร็วกว่านี้ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ กับบุตรชายของแม่ เพราะเพื่อนๆ ที่ไปทำงานด้วยกัน ต่างก็ได้กลับมาหมดทุกคน ตนเองอยากไปเดินเรื่อง เพื่อตามหาบุตรชายเองด้วยซ้ำ แต่ไม่สามารถทำได้ และตั้งแต่ปีใหม่มาจนถึงเดี๋ยวนี้ ข่าวเงียบไม่มีการเคลื่อนไหว เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และในวันนี้แม่ก็ได้รับข่าวเศร้า ตอนนี้เสียใจมากๆ พูดอะไรไม่ออกจริงๆและก็อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ประสานอยากจะรับร่างของบุตรชายกลับมาบ้านเกิดเพื่อบำเพ็ญกุศลให้เร็วที่สุด.