เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าในการทำงาน ตรวจสอบการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติบนเกาะเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ล่าสุดคณะทำงานชุดตรวจสอบปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐในพื้นพื้นที่เกาะสมุยนำโดย พ.อ.สนิท มีแสง ที่ปรึกษา ผอ.รมน.ภาค 4 พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 ร่วมกับ ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย และหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ.16 เข้าตรวจสอบภาคพื้นดินในพื้นที่เขาหมาแหงน และ เขาเฉวงน้อย เพื่อตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับ การออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินผิดพลาดคลาดเคลื่อนโดยใช้ สค.1 ,การออกใบอนุญาตก่อสร้างที่ขัดต่อกฎหมาย ,ก่อสร้างผิดแบบตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ปี 2522 และการประกอบธุรกิจโดยใช้นอมินีเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของธุรกิจในประเทศไทย

พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐฯ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า มีความไม่ชอบมาพากลของการออกเอกสารสิทธิที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น นำสค.1 ใช้แล้วมาออกซ้ำใหม่ สค.บิน สค.บวม และสค.โคลนนิ่ง ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบการกระทำความผิดเป็นกระบวนการและได้ดำเนินคดีกับเจ้าของที่ดินบางราย เจ้าหน้าที่รัฐบางคนไปแล้ว ปัจจุบันยังมีเจ้าของที่ดินอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เพื่อดำเนินคดีส่ง ป.ป.ช. และส่งเรื่องต่อให้กับ ปปง. เพื่อยึดทรัพย์

นอกจากนี้ยังพบปัญหาเรื่องการก่อสร้างอาคารวิลลาหรูอีกจำนวนมากที่มีการออกใบอนุญาตก่อสร้างโดยที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่พิจารณาตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องกำหนดพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณท้องที่ อ.เกาะสมุย พ.ศ. 2557 ได้แก่ 1.พื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 80-140 เมตร และมากว่า 140 เมตร การก่อสร้างแบบมีเงื่อนไข 2.พื้นที่ความลาดชัน 35-50 % ก่อสร้างอาคารสูงได้ไม่เกิน 6 เมตร 3.พื้นที่ที่มีความลาดชันมากกว่า 50% เป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง

จากนั้น คณะตรวจสอบได้เข้าตรวจสอบที่โครงการก่อสร้างแห่งหนึ่ง พื้นที่ ต.มะเร็ต ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคาร ที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เคยเข้าตรวจสอบ และอยู่ระหว่างดำเนินคดี หลังพบว่าเอกสารกรรมสิทธิที่ดินเป็นการออกเอกสารโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

พ.อ.ดุสิต กล่าวต่อว่า โครงการนี้เทศบาลนครเกาะสมุย ได้แจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว และออกคำสั่งทางปกครอง ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร โดยให้ยุติการก่อสร้างแต่ทางโครงการนี้กลับไม่สนใจคำสั่งดังกล่าว ปัจจุบันก็ยังมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง

ด้าน พ.อ.สนิท กล่าวว่า เนื่องจากเกาะสมุยเป็นพื้นที่คุ้มครองเรื่องสิ่งแวดล้อม ผู้ที่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน ที่จะก่อสร้างอาคารตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร แล้ว ยังต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปี 2557 ด้วย ซึ่งบางพื้นที่แม้จะว่าจะมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ก็ไม่สามารถที่จะทำการก่อสร้างได้ หรือว่าทำการก่อสร้างได้โดยมีเงื่อนไข มีข้อจำกัด เพราะฉะนั้นการที่มาซื้อที่ดินในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดตัวนี้ อาจจะทำให้ท่านถูกรอนสิทธิในบางส่วน ตอนนี้ กอ.รมน.ภาค 4 มีแผนงานที่จะทำร่วมกับสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ให้มีการให้คำที่ปรึกษาในรูปของชมรมเพื่อที่จะให้ความรู้กับคนที่มาซื้อบ้าน มาซื้อที่ดิน ได้รับทราบว่าที่ดินแปลงนั้นได้มาด้วยเอกสารที่ถูกต้อง และสามารถก่อสร้างได้แค่ไหนอย่างไร เพื่อจะเป็นการให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่คาดเคลื่อน

วันเดียวกัน ทึ่ห้องประชุม 1 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน.ภาค 4) พล.ต.อนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รอง ผอ.รมน.ภาค 4 /รอง หน.คณะทำงานแก้ไขปัญหาการบกรุกที่ดินของรัฐ เรียกประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาการบกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมี พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หน.ชุดตรวจสอบฯ ,ตัวแทน กอ.รมน. และคณะพนักงานสอบสวน กอ.รมน. เข้าร่วมการประชุม

ภายหลังการประชุม พล.ต.อนุสรณ์ กล่าวว่า การประชุม ผู้เกี่ยวข้องและคณะพนักงานสอบสวน ในครั้งนี้ เป็นการสรุปผลการทำงานของคณะชุดตรวจสอบซึ่งนำโดย พ.อ.ดุสิต ในการเข้าตรวจสอบการบุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินบนยอดเขาสูงชันโดยกลุ่มนายทุนต่างชาติและนอมินีชาวไทยในพื้นที่เกาะสมุย และ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทำการบินตรวจสอบไปก่อนหน้านี้ซึ่งการสรุปผลการทำงานนั้น มึพื้นที่ถูกบุกรุก จำนวน 6 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 เขาแหลมใหญ่ ต.บ่อผุด จุดที่ 2 เขาละไม ต.มะเร็ต จุดที่ 3 เขาท้ายควาย ต.ลิปะน้อย จุดที่ 4 เขาแหลมใหญ่ ต.แม่น้ำ จุดที่ 5 เขาเตย ต.แม่น้ำ และจุดที่ 6 เขาพระ ต.บ่อผุด

พล.ต.อนุสรณ์ กล่าวด้วย การประชุมครั้งนี้เพื่อกำหนดแนวทางและกรอบเวลาในการทำงาน ซึ้งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับใหัแล้วเสร็จภายใน 6 เดือนและนำส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายดำเนินการตามกระบวนการของศาลยุติธรรม ยอมรับว่ากรอบการทำงานที่ได้รับมอบหมายนั้นอาจจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่ครอบคลุมมากเท่าที่ควรเนื่องจากพื้นที่เกาะสมุยมีปัญหาสะสมมานานแทบทุกตารางนิ้วของเกาะสมุยมีมูลค่ามากกว่าทองคำยิ่งเป็นพื้นที่ภูเขาสูงก็มักจะเป็นที่หมายปองของชาวต่างชาติซึ่งก็มีคนไทยส่วนหนึ่งที่ร่วมด้วย จนทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของเกาะสมุยถูกทำลายแต่เราในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางจะเป็นจุดศูนย์กลางในการประสานข้อมือข้อมูล และรวบรวมพยานหลักฐานเนื่องจากการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกจุด โดยในวันที่ 30 พ.ค.นี้ คณะพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานและดำเนินการในส่วนของนอมินีคนไทย.