เมื่อวันที่ 8 พ.ค. ทีมข่าวเฉพาะกิจเดลินิวส์ เกาะติดปัญหาการก่อสร้าง 8 โครงการใหญ่ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง งบประมาณ 558.2 ล้านบาท ก่อสร้างตั้งแต่ปี 62 โดย 2 หจก. ที่ จ.กาฬสินธุ์ แต่ถึงปัจจุบัน ไม่มีโครงการใดก่อสร้างเสร็จ แต่พบว่ามีการเบิกจ่ายเงินไปกว่า 250 ล้านบาท ปัญหานี้สร้างความบอบช้ำให้กับประชาชน พลเมืองคนไทย ไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เศรษฐกิจชุมชนเมืองเสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท จนชาวบ้านประมาณว่า “ก่อสร้าง 7 ชั่วโคตร” ซึ่ง อธิบดีกรมโยธาฯ ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาเพื่อแก้ไข 2 ครั้ง และล่าสุด ได้ประกาศยกเลิกงานก่อสร้างกับ 2 หจก.นี้ไปแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่เห็นมีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร จึงออกมาเรียกร้องและเกาะติดปัญหารายวัน เพื่อปกป้องงบประมาณการก่อสร้าง ที่เป็นภาษีของประชาชน
รายงานล่าสุดเครือข่ายธรรมาภิบาลจังหวัดกาฬสินธุ์ (กธจ.) ได้รับแจ้งเหตุผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ และการก่อสร้างระบบประปาป้องกันน้ำท่วมเมืองกาฬสินธุ์ หลังจากเมื่อช่วงคืนวานนี้ ได้มีฝนตกลงมาประปราย ปริมาณน้ำฝนน้อย แต่กลับเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงกับ 2 โครงการที่ผู้รับเหมา 2 รายยังก่อสร้างไม่เสร็จ ได้เกิดความเสียหายต่อหน้างาน ทั้งตลิ่งลำน้ำพานเริ่มทรุดและบางจุดพังทลาย ในขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน ตรงบริเวณจุดก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ หลังน้ำลดพบว่าฝาท่อระบายน้ำที่ไหลลงไปในท่อ เกิดการเอ่อล้นและดันฝาท่อออกมา เพราะไม่มีทางระบาย นอกจากนี้ยังได้ทิ้งคราบขยะมูลฝอย สิ่งปฏิกูลเต็มท้องถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เหมือนเป็นการประจานผลงานของผู้บเหมาที่ทิ้งงานไป และทำลายภาพลักษณ์ที่สวยงามของเมืองกาฬสินธุ์
นายดวง ฉายอำไพ ชาวบ้านวังยูง ต.ลำพาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การก่อสร้างที่ล่าช้า ยาวนาน ของโครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน งบประมาณกว่า 44 ล้านบาท ผู้รับจ้างคือ หจก.เฮงนำกิจ ที่เริ่มทำงานมาตั้งแต่ปี 64 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ดูปริมาณงานที่ผู้รับเหมาทำไว้ในปี 65 จะเห็นว่าได้งานค่อนข้างมาก การก่อสร้างไม่ต่อเนื่อง มีการทิ้งงาน งานไม่เสร็จ และในฤดูฝนเกิดภาวะนำท่วม น้ำระดับในลำพานเอ่อสูงขึ้น จึงทำให้เขื่อนป้องกันตลิ่งที่ยังสร้างไม่เสร็จจะพังทลายลงมาเสียหายหมด
“การทำงานช่วงต้นปี 67 เห็นผู้รับเหมาลงมือก่อสร้างอีก ซึ่งได้ปริมาณน้อยกว่าปี 65 แต่ทราบจากผู้รับเหมาช่วงว่าผู้รับเหมาขาใหญ่เบิกเงินไปแล้วว่ากว่า 20 ล้านบาท แต่แรงงานที่เข้าทำงานกลับไม่ได้รับเงินค่าจ้างเลย จึงขนย้ายเครื่องจักรออกไป ทิ้งให้เห็นเพียงร่องรอยการก่อสร้างที่ได้งานน้อยกว่าปี 65 โดยมีเพียงกองเสาเข็ม และเสาเข็มที่ตั้งเรียงรายไว้บางส่วน รวมทั้งปั้นจั่นที่ตั้งริมตลิ่งไว้ดูต่างหน้า เหมือนจะเหลือไว้เป็นอนุสรณ์การทิ้งงาน แต่แล้ววานนี้ได้มีฝนตกลงมาพักหนึ่ง ซึ่งก็ได้สร้างผลกระทบค่อนข้างรุนแรงต่องานที่ก่อสร้างไว้บางส่วน โดยน้ำฝนที่ตกลงมาได้กัดเซาะตลิ่งที่ทำทิ้งไว้ จนเป็นเหตุให้ตลิ่งพังทลายลงเป็นแถบๆ บางจุดเกิดการทรุดตัว ซึ่งหากน้ำในลำพานเอ่อสูงขึ้นมีโอกาสพังทลายลงได้ง่ายๆ เห็นแล้วเข่าอ่อนทรุด รู้สึกเสียดายงบประมาณที่จุดก่อสร้างนี้ ที่ผู้รับเหมาเบิกไปใช้แล้วว่า 20 ล้านบาทดังกล่าว ที่จะละลายไปกับสายน้ำลำพานไปโดยเปล่าประโยชน์” นายดวง กล่าว
ด้านนางหอมหวน มณีวงษ์ ผู้ประกอบการร้านขายของชำ ถนนหัวโนนโกเกษตร กล่าวว่า บริเวณนี้เป็นจุดก่อสร้างโครงการระบบท่อประปาป้องกันน้ำท่วม ซึ่งเพื่อนบ้านได้ขึ้นป้ายว่า “ถนน 7 ชั่วโคตร” เนื่องจากการก่อสร้างล่าช้า ต่อมามีการทิ้งงาน และว่างเว้นการก่อสร้างมานานหลายปี พอฝนตกทีไรชาวบ้าน ร่วมทั้งผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอันเดือดร้อนขึ้นมาทันที ที่ผ่านมาแค่ฝนตกพรำๆ น้ำฝนที่ไหลลงจากชายคาก็เจิ่งนองเติมผิวถนนที่เป็นแอ่ง หรือหากฝนตกหนักหน่อยอย่างคืนวานน้ำก็เอ่อท่วมขัง เพราะไม่มีทางระบาย เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน กำลังจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายและสัตว์มีพิษในฤดูฝน และทำให้การสัญจรของพี่น้องประชาชนลำบาก เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ เพราะเป็นทางหลักและเส้นทางลัดไปยังศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์
นางหอมหวน กล่าวอีกว่า ชุมชนหัวโนนโกเกษตร หลังห้างบิ๊กซี ทุกวันนี้จึงเดือดร้อนแสนสาหัส เนื่องจากท่อระบายน้ำที่ทางผู้รับเหมามาทำเอาไว้ไม่มีทางระบายน้ำ เพราะยังทำไม่เสร็จ สภาพที่เป็นอยู่ชุมชนเราจึงอยู่ตรงกลาง โดยใต้ผิวถนนหน้าบ้านมีท่อกักเก็บน้ำไว้และรอวันล้นเอ่อ เพราะด้านหัวและด้านท้ายผู้รับเหมายังไม่ได้ทำ เนื่องจากทิ้งงานไปก่อน หากเข้าหน้าฝนและมีฝนตกลงมา ชาวชุมชนหัวโนนโกเกษตรก็คงจะเดือดร้อนหนักกว่านี้ ทั้งนี้ ตามที่ทราบว่ากรมโยธาฯ ยกเลิกสัญญาเจ้าเดิมที่ทิ้งงานไป ก็อยากจะให้เร่งรีบดำเนินการหาผู้รับเหมารายใหม่มาทำงานต่อโดยเร็ว เบื้องต้นรีบเปิดทางน้ำก่อนที่ฝนจะตกหนัก และชาวบ้านเดือดร้อนยิ่งกว่านี้
หลังจากเครือข่ายธรรมาภิบาล (กธจ.) จ.กาฬสินธุ์ ได้รับแจ้งเหตุ ผลกระทบหลังฝนตกดังกล่าว จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ทั้งจุดก่อสร้างโครงการเขื่อนป้องกันตลิ่งลำน้ำพาน พบว่าได้รับความเสียหาย ตลิ่งที่ผู้รับเหมาทำไว้ เริ่มทรุดตัว บางจุดพังทลายจริง ขณะที่ชุมชนหัวโนนโกเกษตรก็ได้รับความเดือดร้อนจริง เพราะมีน้ำฝนขังเจิ่งนองที่บริเวณถนนหน้าบ้าน นอกจากนี้ที่บริเวณถนนพร้อมพรรณอุทิศ ที่มีรถแบ๊กโฮของผู้รับเหมาจอดทิ้งไว้ 2 คัน ก็ยังเป็นอุปสรรค กีดขวางจราจร เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเนื่องจากความแรงของน้ำที่ไหลลงไปในท่อที่ไม่มีทางระบาย ได้ดันฝาท่อขึ้นมา เหมือนเป็นตอไม้ใหญ่โผล่ขึ้นกลางถนน นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงมีคราบสิ่งปฏิกูลสีดำเขรอะเต็มไปหมด เป็นภาพที่น่ารังเกียจต่อผู้พบเห็น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เพราะเป็นย่านสถานบันเทิงและร้านอาหาร ผลกระทบและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังฝนตกครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนสัญญาณภัย ประจานผลงานผู้รับเหมา 7 ชั่วโคตร ที่ได้ทิ้งไว้เป็นตราบาปไว้กับเมืองกาฬสินธุ์ ชาวบ้านจึงขอเรียกร้องไปถึงผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ หรือหน่วยงานเกี่ยวข้องในพื้นที่ได้เร่งรีบแก้ไข เพราะรอความชัดเจนจากกรมโยธาฯ ที่บอกว่าจะยกเลิกสัญญากับ 2 ผู้รับเหมาขาใหญ่รายเดิม และจะหาผู้รับเหมารายใหม่เข้ามาทำงานต่อจนจะทนไหวแล้ว
ขณะที่โลกโซเชียลมีการแชร์ข่าวใหญ่ กรณีการบอกเลิกสัญญาของ กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ลงวันที่ 7 พ.ค. 67 โดย กรมทางหลวงชนบท อยู่ระหว่างการบอกเลิกสัญญา กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัดประชาพัฒน์ ผู้รับจ้าง โดยเนื้อหาระบุทำงานไม่เสร็จตามสัญญา ตามโครงการก่อสร้างทางหลวงชนบท สาย รย.3013 แยก ทล.331-ทล.3191 ช่วง กม.0+014.274-กม.16+475 พื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ระยะทาง 16.460 กิโลเมตร (กม) งบประมาณ 540 ล้านบาท เนื้อหายังระบุเริ่มต้นสัญญาวันที่ 20 มี.ค. 61 สิ้นสุดสัญญาเดิม 4 ก.ย. 63 ระยะเวลา 900 วัน จากนั้นได้ขยายอายุสัญญาใหม่ เนื่องจากรื้อย้ายสาธารณูปโภค จนถึง วันที่ 15 ก.ย. 65 และได้รับสิทธิจากกรมบัญชีกลางอ้างผลกระทบโควิด-19 ค่าปรับเป็น 0 บาท จนถึงวันที่ 20 ก.พ. 67 แต่ปัจจุบันทำงานได้เพียง 69.753% และโครงการได้หยุดก่อสร้างแล้ว เนื่องจากสิ้นสุดสัญญา ด้วยปัญหาทำงานไม่เสร็จตามสัญญาประกอบกับโครงการนี้มีปัญหาล่าช้ามาโดยตลอด จนเกิดการทิ้งงาน จึงได้ทำการบอกเลิกสัญญา กับ ห้างหุ่นส่วนจำกัดประชาพัฒน์ ผู้รับจ้าง ทั้งนี้ ปัจจุบัน ทช. ได้ขึ้นบัญชีดำหรือติดแบล็กลิสต์ ผู้รับจ้างรายนี้ ซึ่งจะไม่สามารถรับโครงการก่อสร้างจาก ทช. ได้อีก หลังบอกเลิกสัญญาแล้ว จะเสนอเรื่องไปกรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณาดำเนินการกับผู้รับจ้างรายนี้ต่อไป
การแชร์ข่าวในโลกโซเชียล ทำให้ชาวบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ พากันตื่นตระหนกตกใจ เนื่องจากชื่อของ หจก.แห่งหนึ่ง ที่ถูกกรมทางหลวงชนบท บอกเลิกสัญญาในพื้นที่ จ.ระยอง นั้น ไปตรงกับ หจก. ที่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย กำลังดำเนินการบอกเลิกสัญญา “7 ชั่วโคตร” ที่ จ.กาฬสินธุ์ จึงทำให้วิพากษ์วิจารณ์ไปถึงเส้นสายในการรับเหมางานว่าหากตรงกัน หจก.ประชาพัฒน์ จะไปได้งานแบบนี้ที่ไหนอีก และมีปัญหาในลักษณะนี้กี่จังหวัด กับพฤติกรรมและสาเหตุการทิ้งงาน กรม หรือกระทรวง ไม่เคยรู้ตรวจสอบปัญหาภายในจริงหรือ อีกทั้งการเบิกจ่ายเงินและค่าปรับกับผู้รับจ้างรายนี้ จะทำอย่างไรที่จะเรียกเอาเงินกับคืนมาให้กับแผ่นดินเพราะนี้คือภาษีของประชาชนคนไทย ส่วนความเสียหายคงไม่ต้องกล่าวถึง เฉพาะปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างในแต่ละพื้นที่ ก็ได้สร้างความบอบช้ำให้กับชาวบ้าน ที่กระทบต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและความเสียหายทางเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัด คงถึงเวลาที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ามาตรวจสอบติดตามสั่งการด้วยตัวเอง ใช้มาตรการเอาจริงปรับจริงชดใช้จริง ไม่ควรจะปล่อยให้ผ่านไปโดยที่ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นนี้เลย.