ถูกจับตามองหนักมากในนาทีนี้จริงๆสำหรับ 2 พส. ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในโลกออนไลน์ จากกระแสการเทศน์ในรูปแบบใหม่ที่โดนใจคนทั้งประเทศ พระมหาสมปอง และ พระมหาไพรวัลย์ จนทำให้ใครหลายๆคนหันมาสนใจธรรมะมากขึ้น โดยล่าสุดวู้ดดี้โชว์ได้ชวน 2 พส.มาพูดคุยถึงกระแสต่างๆกัน

พระมหาสมปอง เผยว่า “กระแสคนพูดถึงอาตมานั้น จริงๆ น้องเขาก็ชวนมานานแล้ว เขาสายฮาร์ด เราสายฮา ก็เลยเอาไว้ก่อนแล้วกัน มันมีไทม์มิ่งมีเวลาอยู่ สุดท้ายคืนนั้นก็มีไลฟ์แล้วก็แบตเทิลกัน ก็เริ่มเป็นกระแสออกข่าว พอค่ำนั้นแทนที่จะสี่ห้าหมื่น กลายเป็นคนเข้ามาดูสองแสนกว่า แอดมินพี่วู้ดดี้เข้ามาด้วย ก็เลยแซวว่าถ้าจะมีแขกรับเชิญคนแรกของเราต้องเป็นพี่วู้ดดี้ ส่วนดราม่าที่เข้ามาอ้าวอึ้ง จริงๆ เราก็มีประเด็นมาเรื่อย เรื่องรีวิว จะเป็นคนชอบเชียร์ ชอบจับชอบเชียร์ก็จะโดน ตังค์ก็ไม่ได้ใส่ใจเขาเหลือเกิน น้องเขาก็บอกเมตตามากไปจะแพ้ภัยพาล เราไม่ดื้อหรอก อันไหนผิดพลาดเราก็พร้อมแก้ไข อาตมาไม่ดื้อ ไม่ดื้อเท่ากับ คำพูดของ พส.ไพรวัลย์ที่อาตมาชอบและเอามาใช้ด้วยก็คือ เวลาใครว่าเรา เราจะไม่ด้อยค่าคนที่ว่าเรา แต่เราก็จะไม่ให้ค่ากับคำพูดของคนๆ นั้น อาตมาว่ามันได้ผลและนำไปใช้ได้จริงก็ใช้วิธีนี้”

“ส่วนการเทศน์แบบรูปแบบใหม่ การเรียนก็คือการสร้างสถานการณ์ให้มีความสนุกสนาน ให้เกิดความอบอุ่นสบายใจ กล้าพูด กล้าแลกเปลี่ยน เพื่อให้ผู้เรียนรู้ เรียนรู้โดยไม่รู้ตัว ขณะที่หัวเราะก็ได้เรียนรู้ไปแล้ว เอาจริงๆอาตมาก็ได้กำลังใจจากญาติโยมได้หลากหลาย ที่เรารู้สึกว่าอยากเผยแพร่ธรรมะไปแล้วเข้าถึงโยม เป็นส่วนหนึ่งเป็นตัวแทนแล้วก็เข้าถึงจริงๆ เราก็ปลื้มใจดีใจ แล้วก็ได้พลังใจมาก”

พระมหาไพรวัลย์ เผยว่า “เรื่องคนพูดถึง จริงๆไม่อะไรนะกับตัวอาตมาเอง รู้สึกว่าเป็นคนชอบสนุก ช่วงโควิดมันก็เงียบ อาตมาก็อยากให้ทัวร์ลงบ่อยๆ เดี๋ยวนี้ยามว่างก็นั่งบล็อก (หัวเราะ) กิจกรรมยามว่างนั่งบล็อกลูกทัวร์ พระพุทธเจ้าสอนเรื่องโลกธรรม เราอยู่ในโลกถ้าเราไม่เจอโลกธรรม ไม่ทำใจรับโลกธรรม เราจะอยู่บนโลกนั้นไม่มีความสุขหรอก คนจะอยู่ในโลกธรรมต้องรู้หลัก มีสุข มีทุกข์ มีนินทา มีสรรเสริญ มีเจริญ มีเสื่อม จะเอาแต่อะไรที่คุณรู้สึกพึงพอใจอย่างเดียวจะอยู่บนโลกธรรมไม่ได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจ มีคนรักเราก็ต้องมีคนเกลียดเรา คุณจะมีชีวิตเพื่อใครล่ะ จะมีชีวิตเพื่อไปตามคนที่เกลียดคุณ หรือจะเอาชีวิตของคุณมาอยู่เพื่อคนที่คุณรักและรักคุณก็เลือกเอา เรื่องการเทศน์อย่างสนุกสนานทำให้วัยรุ่นเข้าถึงธรรมะมันเป็นประเด็นหลักเลยที่ทำให้อาตมาตัดสินใจที่จะเปลี่ยนรูปแบบวิธีการเทศน์ การสอนแบบนี้เพราะรู้สึกว่าคนถ้าไม่เปิดใจ หรือคุยกันคนละภาษา มันคุยกันไม่รู้เรื่อง เหมือนมีกำแพง เราพยายามที่จะทุบกำแพงออก พยายามลดช่องว่างระหว่างเจน ระหว่างวัย ระหว่างเพศสภาพ ระหว่างสถานะด้วยพระกับฆราวาสให้ใกล้ชิดกันอีกหน่อย”