แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงสามารถทำให้แฟนบอล เรด อาร์มี ต้องลุ้นกันจนเหงื่อแฉะง่ามขาได้ทุกครั้งที่ลงสนามเหมือนเดิมนะครับ ไม่ว่า จะเจอคู่แข่งระดับไหน หรือ อยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบมากเพียงใดก็ตาม

            พลพรรคอสูรแดง ลงเซิ้งแข้งกับ โคเวนทรี ซิตี คู่แข่งจาก แชมเปี้ยนชิพ ด้วยสภาพไม่สมประกอบ โดยต้องถอยเอา คาเซมิโร ลงไปยืนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ แฮร์รี แม็กไกวร์ หลังปราการตัวกลางระดับอาชีพอย่าง ลิชา มาร์ตีนเซ, ราฟาแอล วาราน, จอนนี อีแวนส์, วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ไม่เว้นแม้กระทั่งดาวรุ่งอย่าง วิลลี คัมบวาลา ต่างโดนโรคเดี้ยงเล่นงานเรียบวุธ

            อย่างไรก็ตาม แม้จะขาดตัวหลักไปหลายคน แต่เมื่อมองจากขุมกำลังนักเตะที่เหลืออยู่แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังดูดีมีชาติตระกูลกว่า โคเวนทรี ที่มี มาร์ก โรบินส์ อดีตฮีโร่ของพวกเขา กุมบังเหียนอยู่เป็นไหน ๆ และควรจะเก็บชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยซ้ำ

ทุกอย่างทำท่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อ ผีแดง โขยกนำไปก่อนถึง 3-0 จากประตูของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, แฮร์รี แม็กไกวร์ และ บรูโน แฟร์นันด์ส แถมยังครองเกมได้เหนือกว่า ช้างกระทืบโรง อย่างชัดเจน

            ทว่าหลังจากนาทีที่ 70 เป็นต้นไป พญาผีร้ายแห่งป่าช้า โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เกิดอาการโรคเก่ากำเริบ และบรรจงถอนเท้าออกจากคันเร่งมันดื้อ ๆ ก่อนจะโดน โคเวนทรี ยิงไล่ขึ้นมาเป็น 1-3, 2-3 และโดนตีเสมอเป็น 3-3 ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+5 ชนิดทำเอากองเชียร์ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

            สุดท้ายจากเกมที่ควรจะคว้าชัยได้แบบสบาย ๆ กลับกลายเป็นหนังชีวิตที่ยืดเยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ และเกือบจะไปไม่ถึงช่วงดวลจุดโทษด้วยซ้ำหากประตูของ วิคตอร์ ทอร์ป ตัวสำรองของ โคเวนทรี ที่จิ้มเข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 120+1 ไม่ถูก VAR ริบคืนเนื่องจากเป็นจังหวะล้ำหน้าเสียก่อน

            แม้ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด จะชนะ โคเวนทรี ในการดวลจุดโทษ 4-2 และคว้าตั๋วผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แต่มันก็ไม่ได้สร้างความยินดีปรีดาให้กับแฟนบอล เรด อาร์มี มากนัก เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่พวกเขาเพิ่งได้เห็นผ่านตาในสนาม

            รอย คีน อดีตกัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด คนคนหนึ่งที่เหลือจะทนกับความห่วยแตกของนักเตะรุ่นน้อง โดยสับแหลกว่า นี่คือชัยชนะที่น่าละอาย และเป็นอีกครั้งที่อดีตต้นสังกัดโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าผิดหวัง โดยเฉพาะครึ่งหลัง และในช่วงต่อเวลาพิเศษที่กลายเป็น โคเวนทรี ที่กล้าเปิดหน้าบุก และเล่นได้เหมือนทีมในระดับพรีเมียร์ลีกมากกว่า

            ขณะที่ เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูจะไม่สะทกสะท้านกับคำวิจารณ์จาก คีโน่ และยังปากเก่งเหมือนเดิม หลังออกมาสวนว่า ชัยชนะเหนือ โคเวนทรี แม้จะกระเสือกกระสนสักหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แถมยังถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ด้วยซ้ำเพราะมันส่งให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ผ่านเข้าชิงดำ เอฟเอ คัพ 2 ปีติดต่อกัน

            ส่วนคำถามเรื่องอาการแผ่วปลายของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เรามักจะได้เห็นกันจนชินตาในฤดูกาลนี้ กุนซือชาวดัตช์ กลับตอบแบบชวนให้ระคายเคืองอวัยวะเบื้องต่ำว่า ตัวเขาก็อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่า เป็นเพราะอะไร

            เมื่อพิจารณาจากวิธีการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ยังคงไร้รูปแบบ และดูเหมือนบอลวัดเข้าไปทุกวัน รวมทั้งผลงานที่น่าผิดหวังทั้งใน พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว หาก เทน ฮาก ยังได้ไปต่อในฤดูกาลหน้า ก็ต้องบอกว่า ผู้บริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งชุดเก่า และชุดใหม่ น่าจะไม่สบายแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองจากสิ่งที่เราได้เห็นจาก กุนซือชาวดัตช์ ตลอด 18 เดือนที่ผ่านมา มันก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นเลยว่า นี่คือคนที่จะพา แมนฯ ยูไนเต็ด หวนคืนสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ต่อให้สามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้สำเร็จก็ตาม.

แท ยอน