นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล วิพากษ์วิจารณ์ว่า “นโยบายรถไฟฟ้าอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ทำไม่ได้และไม่ควรทำ” ว่า ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายสุรเชษฐ์กล่าว ซึ่งปัจจุบันนี้อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าระยะไกลสุด มีค่าโดยสารสูงถึง 192 บาท ถือว่าสร้างภาระต่อประชาชนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังกระทบต่อภาระ และความจำเป็นในค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ด้วย ขณะเดียวกันนโยบายดังกล่าว ถือเป็นการดำเนินการที่ดีมากๆ ประชาชนมีความพอใจ เมื่ออัตราค่าโดยสารมีราคาถูกลง จะทำให้ประชาชนหันมาเดินทางด้วยระบบรถไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ได้อีกด้วย
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ประชาชนยังสามารถลดค่าครองชีพได้อย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นนโยบายรถไฟฟ้าอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นรูปธรรมระดับสูงสุด โดยภายในช่วงเดือน ก.ย. 68 รถไฟฟ้าทุกสี และทุกสาย ต้องร่วมนโยบายดังกล่าวทั้งหมด ขอยืนยันอีกครั้งว่า กระทรวงคมนาคมจะต้องทำให้ได้ โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้หารือ และเจรจาร่วมกัน ซึ่งมีความคืบหน้าค่อนข้างมาก รวมถึงได้จัดเตรียมแผนด้านการทำตั๋วร่วม และการจัดตั้งกองทุน เพื่อชดเชยผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องจากมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ หากมีความคืบหน้าจะแจ้งประชาชนทราบทันที
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่นายสุรเชษฐ์ กล่าวหาตนว่า ไม่มีผลงาน ซึ่งข้อกล่าวหาตรงนี้ ขอชี้แจงว่า กระทรวงทรวงคมนาคมได้ดำเนินโครงการ และนโยบายต่างๆ จำนวนมาก จนมีผลงานเป็นรูปธรรม อาทิ ล่าสุดการปรับปรุง และพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้เริ่มเห็นผลแล้ว โดยปัจจุบัน ทสภ. ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 57 ของโลก จากเดิมที่อยู่อันดับที่ 67 ของโลก ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และกระทรวงคมนาคม รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีความใส่ใจ และร่วมพัฒนาอย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับภาคการท่องเที่ยวที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ขณะที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือ หมอชิต 2 ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนา และสามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ สะท้อนได้จากช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมถึงเทศกาลสงกรานต์ปี 67 ประชาชนทุกภาคส่วนใช้บริการได้อย่างสะดวก สบาย เดินทางถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ในส่วนของถนนสายหลักทุกเส้นทางที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม ยังมีการสัญจรคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น มีความปลอดภัย รวดเร็ว ไม่ติดขัดระหว่างการเดินทาง อาทิ ถนนพระราม 2 เป็นต้น
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า หลังจากการประคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 18 เม.ย. นี้ ตนจะเดินทางไป จ.ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นจังหวัดสำคัญด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยกระทรวงคมนาคมมีนโยบายเร่งแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งการเรื่องการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพาน รวมถึงโครงการอื่นๆ เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 19 เม.ย. 67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตด้วยเช่นกัน.