เมื่อวันที่ 12 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังมีชาวบ้านในเขตพื้นที่ ต.เมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ พูดต่อกันมาและลุ้นกันว่าลุงอายุ 72 ปี ชาวบ้าน บ้านศรีเจริญ หมู่ 7ต.เมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช จะเรียนจบรับปริญญาตรีเป็นใบที่ 3 หรือไม่ เพราะเพิ่งจะลงเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาบุรีรัมย์ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยได้รับปริญญาบัตรมาแล้ว 2 ใบ
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบนายสุนัย แผ้วพลสง อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 7 บ้านศรีเจริญ ต.เมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช ยังมีสุขภาพแข็งแรงทำเกษตรผสมผสานอยู่ที่บ้าน มีหนังสือการเรียนวางไว้อยู่หน้าบ้านไว้อ่าน เมื่อสอบถามถึงที่มาเกี่ยวกับการเรียนในช่วงอายุ 72 ปี ว่าควรจะหยุดหรือหมดวาระแล้วหรือไม่ รวมถึงเหตุผลของการเรียนต่อทั้งที่ได้รับใบปริญญาบัตรมาแล้ว 2 ใบ
นายสุนัย เล่าว่า มีพี่น้องกับพ่อแม่เดียวกัน 10 คน เป็นคนที่ 4 เป็นครอบครัวยากจนกินบ้างอดบ้าง ส่วนตัวเรียนไม่ค่อยเก่งจึงออกมาช่วยพ่อแม่เลี้ยงหมูส่งพี่สาวเรียนจนได้เป็นครู ส่วนตัวเองเรียนจบแค่ชั้นม.ศ.3 จงใช้ใบประกาศนียบัตร ม.ศ.3 ไปสมัครเข้าทำงานเป็นพนักงานสถานีอนามัย(รพ.สต.ปัจจุบัน) และขยันทำงานมาตลอด แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ด้วยกันที่เรียนจบสูงกว่าดูถูก พูดเสียดสีบ้าง แต่ไม่ได้ถือสาอะไรเพราะเราเรียนจบไม่สูงจริง แต่กำลังใจเราสู้ ไม่สนที่เขาดูถูกหรือน้อยเนื้อต่ำใจ
นายสุนัย เล่าอีกว่า กระทั่งปี 2552 จึงตัดสินลาออกจากงานในอายุราชการ 33 ปี หลังออกจากราชการมาก็เรียนต่อทันทีเริ่มจากการเรียน กศน.แล้วเรียนต่อที่วิยาลัยชุมชนเพราะค่าเทอมถูก และเรียนต่อมาเรื่อยๆจนจบได้ปริญญาตรีพุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ.)คณะสังคมศาสตร์สาขาวิชารัฐศาสตร์ วิชาเอกการปกครองสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อปี 2557 และปี 2560 ได้รับปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชารัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยราคำแหงและครั้งนี้กำลังเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ตอนนี้รู้สึกภูมิใจตัวเองสามารถประสบความสำเร็จได้ถ้าคิดย้อนหลังตอนครั้งเป็นหนุ่ม น่าจะทำได้ดีกว่านี้แน่นอนแต่ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเรียนไม่ได้
นายสุนัย กล่าวอีกว่า ตอนนี้ไม่ได้หวังอะไร เพราะอายุมากแล้วแค่อยากเป็นตัวอย่างให้คนทั่วไป โดยเฉพาะคนในหมู่บ้านจะต้องมีคนที่มีความรู้หลากหลายทั้งศาสนา การปกครองและกฎหมาย ใครจะมารังแกเราไม่ได้รวมถึงให้ตัวเราเป็นที่พึ่งของชาวบ้านได้ด้วยฝากไปถึงคนสูงอายุทุกคนไม่ควรท้อหรือปล่อยให้ตัวเองชราไปโดยไม่มีประโยชน์
เพราะการเรียนไม่มีคำว่าแก่
น.ส.ณัฐฑิฌา สำราญวงศ์ อายุ 47 ปี บรรณารักษ์ปฏิบัติการมหาลัยรามคำแหง สาขาวิริยะบริการเฉลิมพระเกียรติจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่ารู้สึกภูมิใจและดีใจมากถือว่าเป็นลูกพ่อขุนที่ขยันมากไม่ละความพยายามเพราะจะเป็นตัวอย่างให้กับรุ่นน้อง ถึงแม้ลุงจะจบจากม.รามคำแหงไปแล้วคณะหนึ่ง แต่ยังมาต่ออีกเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าอายุไม่สำคัญกับการเรียน
น.ส.ณัฐฑิฌา กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาลุงพยายามประหยัดจะเข้ามายืมหนังสือเป็นประจำ โดยเฉพาะแนวทางข้อสอบขอถ่ายเอกสารในห้องสมุดเป็นประจำจึงอยากจะฝากไปถึงคนที่ท้อ หรือเลิกเรียนไปแล้วสามารถกลับมาเรียนได้อีกเพื่อหาความก้าวหน้าให้กับชีวิตของตัว