นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนวางแผนเดินทางกลับภูมิลำเนา พบปะสังสรรค์เฉลิมฉลองกับครอบครัว และเพื่อนฝูง รวมถึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน เติมพลังให้กับชีวิต ประกอบกับในปี 67 รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 12 เม.ย. 67 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ โดยมีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
ดังนั้น ทช. มีภารกิจในการก่อสร้างถนนสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยว จึงขอเชิญชวนประชาชนใช้ถนนทางหลวงชนบท เพื่อร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล โดยสามารถใช้บริการถนนทางหลวงชนบท ซึ่งได้เตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสู่ที่หมายได้อย่างปลอดภัย ดังนี้
ภาคเหนือ ขอแนะนำถนน ชร.3037 และ ชร.5047 จ.เชียงราย มุ่งหน้าสู่ “ดอยช้าง” สัมผัสภูเขา ป่าไม้ ไร่กาแฟ ชมวิวเขื่อนแม่สรวย และวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ดอยช้าง
ภาคกลาง ขอแนะนำถนน กจ.4088 สู่ “บ้านอีต่อง-ปิล็อก” จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น เหมืองแร่ปิล็อก น้ำตกจ๊อกกระดิ่น เนินช้างศึก เป็นต้น
ภาคตะวันออก ขอแนะนำถนนเฉลิมบูรพาชลทิต (จบ.5050 และรย.4036) สัมผัส “จุดชมวิวเนินนางพญา” นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางสัมผัสธรรมชาติ อ่าวคุ้งกระเบน ชมความร่มรื่นจากป่าชายเลน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ขอแนะนำถนน อบ.4090 สู่แกรนด์แคนยอนเมืองไทย “สามพันโบก” จ.อุบลราชธานี ชมความสวยงามของแม่น้ำโขง และหินที่ถูกกัดเซาะจากสายน้ำเป็นรูปร่างต่าง ๆ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนใกล้กับกรุงเทพมหานคร สามารถใช้ถนน นม.1016 และ นม.3052 สู่สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นักท่องเที่ยวจะสามารถสัมผัสอากาศที่เย็นตลอดเกือบทั้งปี นอกจากนี้ยังสามารถกางเต็นท์ชมธรรมชาติ ณ จุดบริการหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียวได้อีกด้วย
ภาคใต้ ขอแนะนำถนน สส.2021 สส.5029 และ พบ.1045 เส้นทางล่องลงใต้ ชมความงามเลียบชายฝั่งทะเล “ไทยแลนด์ริเวียร่า” เริ่มตั้งแต่ จ.สมุทรสงคราม ผ่านเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาท่องเที่ยวที่หาดเจ้าสำราญ หาดปึกเตียน หาดชะอำ
ทั้งนี้ ทช. ยังได้เตรียมหน่วยบริการ เพื่อให้บริการประชาชนตามจุดต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ก่อนออกเดินทางขอแนะนำให้นักท่องเที่ยวศึกษาเส้นทางได้ที่ www.drr.go.th, เฟซบุ๊ก กรมทางหลวงชนบท, QR CODE (แนะนำแหล่งท่องเที่ยวสงกรานต์ 67) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1146 ด้วยความห่วงใยจาก กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม