นายประมิต เมฆฉาย ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) เปิดเผยว่า วันที่ 9 เม.ย. 67 เวลา 10.00 น. สหภาพแรงงานฯ จะขอเข้าพบและยื่นหนังสือถึง นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ประธานกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งบอร์ด ขสมก. เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 67 เพื่อขอทราบนโยบาย และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ขสมก. จำนวน 10 ข้อดังนี้
1.ให้ ขสมก. เร่งจัดหารถโดยสารประจำทาง (รถเมล์) ใหม่ แทนรถเมล์เก่าที่หมดอายุการใช้งาน โดยวิธีซื้อหรือเช่าซื้อ เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ และประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาล โดยใช้ระบบพลังงานไฟฟ้า (อีวี) และขอคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการเช่ารถเมล์เก่ายี่ห้อซันลองที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) ของบริษัทเอกชน เพื่อนำมาวิ่งให้บริการประชาชน
2.ให้ ขสมก. เร่งรีบดำเนินการจัดหาบริษัทเหมาซ่อมรถเมล์เอ็นจีวี ยี่ห้อ BONLUCK หรือ BLK รายใหม่แทนบริษัทคู่สัญญาเหมาซ่อมรายเดิม คือ กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ที่มี บริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) (SCN) และ บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ (CHO) ที่กระทำผิดเงื่อนไขสัญญาไม่ทำการซ่อมบำรุงรักษารถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 486 คัน ให้สามารถนำรถออกวิ่งบริการประชาชนได้ และดำเนินการหาผู้รับผิดชอบ กรณี ขสมก. เกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน กรณีไม่ซ่อมบำรุงรถเมล์ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.66 จนถึงปัจจุบัน (เม.ย.67)
3.ให้ ขสมก. แก้ไขปัญหาการใช้ระบบเครื่องชำระค่าโดยสารอัตโนมัติ (EDC) บนรถเมล์ แทนการชำระเงินค่าโดยสาร แต่ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ ขสมก. ขาดรายได้ในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก และเร่งรัดจัดหาเครื่อง EDC ใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาเครื่องไม่มีประสิทธิภาพ
4.ให้ ขสมก. คงรถโดยสารธรรมดา (รถเมล์ร้อน) สีครีม-แดง เพื่อเป็นทางเลือกผู้มีรายได้น้อย โดยวิธีการซื้อหรือเช่าซื้อโดยใช้ระบบรถเมล์ไฟฟ้า จำนวน 500 คัน โดยจัดให้เป็นรัฐสวัสดิการให้กับประชาชนในฐานะหน่วยงานของรัฐ
5.ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการเปิดรับสมัครพนักงานขับรถ และพนักงานเก็บค่าโดยสาร เขตการเดินรถ 1-8 เพื่อทดแทนพนักงานที่เกษียณอายุราชการ และเลื่อนตำแหน่งไปทำหน้าที่อื่น ทำให้อัตรากำลังแต่ละเขตการเดินรถขาดเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบในด้านการให้บริการประชาชน ไม่เป็นไปตามแผนการเดินรถ โดยให้อำนาจเขตการเดินรถเป็นผู้รับผิดชอบในการรับสมัคร เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันหากเปิดรับสมัครต้องมาสมัครที่สำนักงานใหญ่ ทำให้การขึ้นปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความล่าช้า
6.ให้ ขสมก. ปรับเบี้ยเลี้ยงให้พนักงานเก็บค่าโดยสาร จากเดิม 20 บาท เป็น 60 บาท เมื่อทำงานเกิน 8 ชั่วโมง ให้ปรับเป็นขั้นบันไดครบ 10 ชั่วโมง จ่าย 80 บาท ให้สอดคล้องกับเบี้ยเลี้ยงของพนักงานขับรถ ซึ่งเรื่องนี้สหภาพแรงงานฯ และผู้บริหารเห็นพ้องต้องกันให้ปรับเบี้ยเลี้ยงของพนักงานเก็บค่าโดยสาร เพื่อรอเสนอต่อ บอร์ด ขสมก. ให้ความเห็นชอบก่อนบังคับใช้
7.ให้ ขสมก. กระจายอำนาจตามโครงสร้างขององค์การ และข้อบังคับ 159 ว่าด้วยการแบ่งส่วนงาน เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานต่างๆ เกิดความคล่องตัวและรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาขององค์การ และความเดือดร้อนของพนักงาน ให้การบริหารจัดการบุคลากรเกิดประสิทธิภาพ ในการดำเนินการองค์การ
8.ให้ ขสมก. จัดหาอู่โดยการซื้อหรือเช่าซื้อ เพื่อให้เป็นทรัพย์สินของ ขสมก. ตามแผนฟื้นฟูกิจการองค์การ โดยใช้พื้นที่เพิ่มมูลค่าเชิงพาณิชย์ในการทำธุรกิจธุรกรรมกับเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ
9.ให้ ขสมก. แต่งตั้ง ระดับ 9 ขึ้นไป และเปิดรับสมัครสอบคัดเลือกแต่งตั้ง ระดับ 5 ขึ้นไป และตำแหน่งอื่นๆ ที่เกษียณอายุราชการไปให้เป็นไปตามโครงสร้างองค์การ
และ 10.ให้ ขสมก. แต่งตั้งผู้แทนสหภาพแรงงาน เข้าไปมีส่วนร่วมตามนโยบาย หรือคำสั่งใดที่จะส่งผลกระทบต่อพนักงาน และประชาชนผู้ใช้บริการ ตามที่องค์การแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ
ดังนั้นสหภาพแรงงานฯ ขอทราบนโยบาย พร้อมทั้งเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาองค์การ และความเดือดร้อนของพนักงานเป็นกรณีเร่งด่วน ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่สนองตอบนโยบายรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในด้านบริการประชาชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ