เมื่อวันที่ 26 มี.ค. การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้จัดพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 19 รูป เปิดกรวยดอกไม้สด ถวายพระราชสักการะพระบรมรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระอนุสาวรีย์ พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน อดีตผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ ครบรอบ 127 ปี ณ ตึกบัญชาการรถไฟ เพื่อน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ทรงพระราชทานกิจการรถไฟให้แก่ปวงชนชาวไทย
ในโอกาสนี้นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. ได้สักการะบวงสรวงอนุสรณ์ปฐมฤกษ์รถไฟหลวงที่สร้างขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 5 ที่ทรงประกอบพระราชพิธีเปิดเดินรถไฟหลวงสายแรกในสยาม เมื่อวันที่ 26 มี.ค. พ.ศ.2439 เส้นทางสถานีกรุงเทพ-อยุธยา จากนั้นได้เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนรถจักรไอน้ำนำเที่ยว ขบวนที่ 901 เส้นทางประวัติศาสตร์จากสถานีกรุงเทพ – อยุธยา ซึ่งเป็นรถจักรไอน้ำ รุ่นแปซิฟิก รุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติจำนวนมากที่ร่วมเดินทางในครั้งนี้
นายนิรุฒ เปิดเผยว่า รฟท. มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดัน และขับเคลื่อนภารกิจ เพื่อให้การขนส่งทางรางเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตามที่รัฐบาล และกระทรวงคมนาคมได้ให้ความสำคัญ ส่งเสริม และสนับสนุนการลงทุนพัฒนาระบบราง ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยจากการดำเนินงานในช่วงรอบปีที่ผ่านมา รฟท. ได้ผลักดันพัฒนาโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้น จนสำเร็จเป็นรูปธรรมในหลากหลายด้าน ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบรางให้ประสบความสำเร็จตามแผน การขับเคลื่อนการลงทุนรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 อย่างต่อเนื่องอีก 7 เส้นทาง การอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารในแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ การพัฒนาระบบการจองตั๋วโดยสารและชำระค่าตั๋วโดยสารให้ครบวงจร
การพัฒนาแอปพลิเคชันตารางเดินรถ (SRT TIMETABLE) การพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามขบวนรถ (TRAIN TRACKING SYSTEM) การเดินรถท่องเที่ยว เพื่อให้บริการแก่ประชาชน เพื่อต่อยอดส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ พัฒนาพื้นที่สายทาง และสถานีรถไฟทั่วประเทศให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน ตลอดจนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนใกล้เคียงพื้นที่รถไฟ ให้มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เกิดความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน ชุมชน ท้องถิ่นเกิดการกระจายรายได้สู่คนในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากเติบโต และเป็นแรงผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตตามไปด้วยอย่างยั่งยืน
นายนิรุฒ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน รฟท. ยังมีกิจกรรมดูแลทางสังคม อาทิ การจัดโครงการ Doctor Train ที่นำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มีชื่อเสียงของประเทศจากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ออกหน่วยแพทย์เฉพาะทางเคลื่อนที่ทำการตรวจ รักษา ดูแลคนรถไฟ และประชาชน และรักษาอย่างต่อเนื่องผ่านระบบ Tele Med หรือ VDO Conference ในด้านของเยาวชน รฟท. ร่วมกับมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำผู้พิการทางสายตาไปทัศนศึกษานอกสถานที่ การจัดโครงการนำเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทัศนศึกษาทางรถไฟ การสนับสนุนโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้โดยสนับสนุนตู้โดยสารในการเดินทางไปทำกิจกรรมต่างๆ
ขณะเดียวกันได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะนักเรียนผู้พิการ และด้อยโอกาสนั่งรถไฟ ไปศึกษาประวัติศาสตร์ ผ่านแหล่งเรียนรู้ที่สำคัญในเส้นทางต่างๆ อาทิ กรุงเทพ – กาญจนบุรี กรุงเทพ – ฉะเชิงเทราให้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมถึงจัดกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ กับประชาชนในหลายพื้นที่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชนกับ รฟท. ให้สามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
นายนิรุฒ กล่าวด้วยว่า รฟท. ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงข่าย และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการระบบขนส่งทางรางของไทย ให้เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในทุกภูมิภาค สามารถอำนวยความสะดวกสูงสุดต่อการเดินทาง ตลอดจนเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับ ประชาชน และการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศ สามารถแข่งขันทัดเทียมกับอาณาประเทศอย่างยั่งยืน.