นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน (ทชส.) จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าการใช้พื้นที่ท่าเรือฯ เพื่อส่งออกสัตว์มีชีวิต และลำเลียงปศุสัตว์ เพื่อการส่งออก โดยท่าเรือแห่งนี้เริ่มส่งออกสัตว์มีชีวิต โดยส่งออกสุกรลอตแรก จำนวน 175 ตัว ไปยังประเทศจีน เป็นรอบปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 16 มี.ค.67 ช่วยส่งเสริมอาชีพเกษตรกรในพื้นที่อำเภอเชียงแสน และพื้นที่โดยรอบท่าเรือ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างรายได้ให้ ทชส. เพิ่มขึ้นปีละ 10 ล้านบาท ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งประชาชน ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
นางมนพร กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดที่จะสนับสนุนการส่งออกโค กระบือ สุกรไปยังประเทศจีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านให้มากที่สุด เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์เหล่านี้เป็นอาชีพเสริมอยู่แล้ว โดยจะผลักดันเป็นอาชีพหลัก โดยในครั้งนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณด่านกักสัตว์ให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการควบคุมโรค และความปลอดภัยให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ เชื่อว่า ทชส. เป็นด่านขนส่งสัตว์ที่มีความสำคัญ และมีความพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการในการส่งออกสัตว์ไปยังต่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพ รายได้ ตลอดจนพัฒนาการใช้พื้นที่ท่าเรือให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ด้านนายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ สำหรับการส่งออกสัตว์มีชีวิตเป็นสิ่งที่บูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และรักษาระดับราคาในเรื่องของสัตว์มีชีวิต นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญในการแบ่งพื้นที่ดำเนินการให้เป็นสัดส่วนชัดเจน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับการขนส่งสินค้าทั่วไป และดำเนินการตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎระเบียบ ข้อกฎหมาย
อาทิ การแจ้งนัดหมายล่วงหน้า การกำหนดจุดขนย้าย และจุดกักกันสัตว์ การจัดการของเสียสิ่งปฏิกูล การควบคุมเชื้อโรค และโรคระบาด การใช้เส้นทาง และระยะเวลาในการขนส่งสัตว์ ตลอดจนการสร้างความเข้าใจกับชุมชน มั่นใจว่าการนำร่องด้วยการผลักดันนโยบายภาครัฐ และการประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ และเป็นที่ยอมรับของชุมชน นำมาซึ่งรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร และเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน เป็นประตูการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน เพื่อส่งเสริมการขนส่ง และการค้าระหว่างประเทศ ตามข้อตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์ในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ระหว่าง 4 ประเทศ ได้แก่ จีน สปป.ลาว เมียนมา และไทย มีท่าเรือขนส่งสินค้า 3 ท่า และท่าเรือขนส่งกลุ่มธุรกิจประเภทน้ำมัน 1 ท่า ปัจจุบันการขนส่งสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าส่งออกประเภทสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเกษตร สัตว์ปีกแช่แข็ง นอกจากนี้ได้มีการขนส่งสินค้าประเภทรถยนต์ทั้งมือหนึ่ง และมือสอง อาทิ รถกระบะ รถ SUV รถบรรทุกขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ฯลฯ ไปยังเมียนมา และ สปป.ลาว เป็นจำนวนมาก เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีความต้องการใช้รถในการขับขี่ และจำหน่ายภายในประเทศ.