เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ้านเลขที่ 220 หมู่ 2 ต.เนินพระปรางค์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี มีครอบครัวชีวิตสุดแสนรันทดอาศัยอยู่ร่วมกัน 3 ชีวิต โดยผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว คือ นายพรชัย ศรีทนานันท์ อายุ 64 ปี ซึ่งมีอาชีพเกษตรกรรม ทำนาปลูกข้าว เปรียบเสมือนเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องประสบมรสุมชีวิต ปัญหาครอบครัวครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ถูกพ่อค้าข้าวคนกลาง คนเลวในสังคม ไม่ซื่อสัตย์อาชีพ ที่ชอบทำนาบนหลังคน โกงเงินค่าข้าวเปลือก 25.5 เกวียน ตอนนั้นราคาเกวียนละ 9,000 บาท รวมเป็นเงิน 229,500 บาท ที่ต้องเสียค่าเช่าผืนนาพื้นที่ 70 ไร่ รวมถึงค่าไถ ค่าหว่าน ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่ารถเกี่ยว ทำให้ครอบครัวที่เคยกินอิ่มนอนหลับฝันดี กลับเปลี่ยนวิถีชีวิตคนในครับครัว จากชั้นฟ้าตกลงสู่ขุมนรกอเวจีในทันที กลับกลายเป็นครอบครัวที่มีหนี้สินรุงรัง เป็นหนี้ในระบบ และหนี้นอกระบบ แถมตัวเองร่างกายเริ่มอ่อนแอ เพราะต้องทำงานหนักเพิ่มจากเดิมอีกหลายเท่า เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ไม่ยอมหยุดพัก เพราะกลัวทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยที่ได้ไปกู้ยืมมา ที่ไม่ต้องรดน้ำ พรวนดิน ก็เจริญงอกงาม ออกดอก และออกผลทุกวันทุกคืน
ในเวลาต่อมา เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เคราะห์เดิมที่ร้ายหนักอยู่แล้ว ยังมีเคราะห์ใหม่เข้ามาถาถมซ้ำเติมอีก โดยผู้เป็นภรรยาคือ นางประคองทรัพย์ ศรีทนานันท์ หรือเน๊ะ อายุ 52 ปี นั้น ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคต่างๆ อีกหลายโรค มีประวัติการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 เรื้อรังมายาวนานหลายปี เล่าให้ฟังว่า อย่างที่รู้กันดีว่า โรคเบาหวานเรื้อรัง มีโอกาสทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนเพิ่ม ในการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ผู้ป่วยเบาหวานมีบาดแผลอาจติดเชื้อลุกลามได้ง่าย และหายยาก ตนจึงเอาใส่ใจดูแล ไม่ให้เกิดบาดแผลอย่างเด็ดขาด ซึ่งต่อมาขาขวา เกิดมีอาการปวดที่หัวเข่า แพทย์แจ้งให้ทราบว่า น้ำไขข้อแห้ง เริ่มรักษาด้วยการเจาะ จนถึงการผ่าตัด เพื่อรักษาอาการปวดหัวเข่า เป็นเวลานานกว่า 3 เดือน ในที่สุดเกิดอาการติดเชื้อในกระดูก หมดวิธีรักษาเยียวยา ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 จึงต้องส่งตัวมาที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์เสนอทางรอดชีวิตให้เพียงหนทางเดียวคือการตัดขาขวาทิ้ง หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็ต้องใช้ชีวิตนั่งอยู่บนรถเข็น และขาเทียม เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน เป็นที่น่าเวทนากับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก
ครอบครัว “ศรีทนานันท์” ยังไม่หมดเคราะห์กรรม ด.ญ.มณธิชา ศรีทนานันท์ หรือน้องปลาย ลูกสาวซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนบางลี่วิทยา ในค่ำคืนวันที่ 28 พ.ย. 2566 หลังจากได้เข้าร่วมประกวดนางนพมาศ งานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2566 วัดหลวงพ่อโหน่ง เพื่อหวังได้เงินรางวัลมาจุนเจือครอบครัว เกิดมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เบื้องต้นแพทย์สงสัยว่าไส้ติ่งอักเสบ นอนรอดูอาการที่ รพ.สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 17 เป็นเวลา 2 คืน แต่ไม่ปรากฏอาการ แพทย์จึงให้กลับบ้านได้ กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค. 2566 เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงอีกครั้ง
คราวนี้ถูกส่งตัวต่อมาที่ รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช หมอตรวจพบก้อนเนื้อร้ายในรังไข่ จึงได้เจาะชิ้นเนื้อออกมาตรวจ ต่อมาวันที่ 16 ธ.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันเกิดครบ 16 ปี ของน้องปลาย แพทย์แจ้งให้รู้ว่ามีเชื้อมะเร็งในรังไข่ จึงได้ทำการผ่าตัดวงจรเนื้อร้ายออกจากร่างกายทันที พร้อมด้วยการรักษาอาการโดยใช้วิธีเคมีบำบัด ในการป้องกันการแพร่กระจายของเนื้อร้าย ผลพวงจากการได้รับคีโม 2 รอบ ส่งผลข้างเคียงให้เส้นเลือดเปราะบาง ในคืนวันที่ 14 ก.พ. 2567 มีเลือดซึมในสมอง จนเกิดอาการชักเกร็ง แต่แพทย์สามารถช่วยเหลือชีวิตไว้ได้ทันท่วงที จากนั้นก็กลับมาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ครูที่โรงเรียนบางลี่วิทยา ทราบถึงปัญหารอบด้านของครอบครัว ได้อนุเคราะห์จัดการเรียนการสอนทางออนไลน์ให้เป็นกรณีพิเศษ
ด.ญ.มณธิชา ศรีทนานันท์ หรือน้องปลาย เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า “พ่อแม่มีลูก 3 คน คนโตเป็นผู้หญิง อายุ 35 ปี แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ลูกชายคนที่ 2 อายุ 28 ปี ทำงานอยู่ที่ กทม. ลูกคนที่ 3 คือน้องปลาย ตั้งแต่ถูกพ่อค้าข้าวคนกลาง โกงเงินค่าข้าวเปลือก ทำให้ทุกชีวิตลำบากมากขึ้น เพราะครอบครัวไม่มีรายได้อะไร ทุกวันนี้จึงอาศัยความเมตตาจากเพื่อนบ้าน และครูโรงเรียนช่วยแบ่งปันให้ได้กินแต่ละมื้อ เมื่อก่อนพ่อแม่เคยเช่าที่ทำนาปลูกข้าว แต่ขาดทุนเนื่องจากถูกโกง เป็นหนี้ ธ.ก.ส. เกือบๆ 5 แสนบาท พ่อจึงไปทำงานหนักกว่าเดิม ทั้งรับจ้าง ก่อสร้าง ขุดดิน เผาถ่าน
แต่ก็มาประสบเคราะห์กรรมซ้ำอีก เมื่อแม่ป่วยเป็นเบาหวาน จนต้องตัดขาทิ้งไป 1 ข้าง น้องปลายเองก็ต้องมาป่วยเป็นมะเร็งรังไข่ พ่อเองก็เจอหลายโรครุมเร้า บ้านเรือนที่ปลูกสร้างค้างคาอยู่ต้องยกเลิกเพราะไม่มีเงิน ถ้าสิ้นพ่อที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัวเสียชีวิตลง ก็เปรียบเหมือนแพแตก คงไม่ต้องอธิบาย เพราะเห็นภาพในอนาคตทันที จึงวิงวอนขอผู้ใจบุญที่ต้องการช่วยเหลือ น้องปลาย และครอบครัว สามารถโทรฯ ถามได้ที่ 08-0310-3834.