นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ในเดือน มี.ค.นี้ จะเปิดใช้งานท่าเรือท่าเตียน วงเงิน 39.047 ล้านบาท หลังจากกรมเจ้าท่าร่วมกับสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ ท่าเตียน และพื้นที่ด้านหน้าอาคารสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมออกทั้งหมด แล้วดำเนินการก่อสร้างท่าเรือใหม่ เพื่อใช้สำหรับการคมนาคมทางน้ำ ทั้งเรือข้ามฟากและเรือโดยสาร อีกทั้งใช้เป็นแหล่งพักผ่อน และชมวิวทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมออกแบบท่าเรือให้กลมกลืนกับอาคารบริเวณใกล้เคียง ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่าเรียบร้อย

สำหรับท่าเรือท่าเตียนมีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ให้บริการ แบ่งเป็น พื้นที่ลานโล่งรวม 1,320 ตารางเมตร มีอาคารพักคอย 2 หลัง พร้อมทางลาดสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ เก้าอี้รองรับสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ ที่จอดรถวีลแชร์และการประชาสัมพันธ์ด้วยระบบภาพและเสียง สำหรับโป๊ะเทียบเรือจำนวน 4 ลูก ประกอบด้วย ท่าเรือข้ามฟาก 2 ลูก และท่าเรือโดยสาร 2 ลูก

ท่าเรือท่าเตียนมีความสำคัญตั้งแต่ในอดีต เป็นท่าเรือสำคัญของพระนคร ในฐานะตลาดการค้าขนาดใหญ่ เป็นจุดขนส่งอาหาร ผัก ผลไม้ และเป็นท่าเรือโดยสารอีกด้วย ปัจจุบันความสำคัญท่าเรือท่าเตียน มีจุดเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย อาทิ พระบรมมหาราชวัง วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ วัดอรุณฯ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางน้ำและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ที่มีความสำคัญอย่างมาก

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งท่าเตียนในปัจจุบันอยู่ตรงข้ามกับพระปรางค์วัดอรุณฯ ทำให้เป็นอีกหนึ่งท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นแลนด์มาร์คให้กับนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ มาเช็กอินและถ่ายภาพมุมฝั่งตรงข้าม ที่เห็นพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่สวยงามยามพระอาทิตย์ตก ซึ่งท่าเรือท่าเตียนมีความสำคัญสำหรับการเดินทางคมนาคมทางน้ำ รองรับเรือต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เรือข้ามฟากท่าเตียน ฝั่งท่าวัดอรุณ ธนบุรี, เรือโดยสารสาธารณะ (เรือด่วนเจ้าพระยา เรือไฟฟ้า) เรือทัวร์ และเรือทั่วไป

นอกจากนี้ท่าเรือท่าเตียนยังอยู่ในแผนพัฒนาท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นสถานีเรือ 29 ท่า ปัจจุบันปรับปรุงแล้วเสร็จ 9 ท่า ได้แก่ ท่ากรมเจ้าท่า, ท่าสะพานพุทธ, ท่าเรือนนทบุรี, ท่าเรือพายัพ, ท่าบางโพ, ท่าช้าง, ท่าราชินี, ท่าเตียน และ ท่าสาทร

อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุง 5 ท่า ได้แก่ 1.ท่าพระปิ่นเกล้า ผลงาน 60% คาดแล้วเสร็จ เม.ย.67 2.ท่าพระราม 5 ผลงาน 45% คาดแล้วเสร็จ พ.ค.67 3.ท่าปากเกร็ด ผลงาน 20% คาดแล้วเสร็จ ส.ค.67 4.ท่าพระราม 7 ผลงาน 42% คาดแล้วเสร็จ พ.ย.67 และ 5.ท่าเกียกกาย ผลงาน 24% คาดแล้วเสร็จ ธ.ค.67 สำหรับท่าเกียกกาย เนื่องจากตำแหน่งก่อสร้างเป็นบริเวณเดียวกับตำแหน่งก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อให้การก่อสร้างทั้ง 2 โครงการไม่กีดขวางกัน จึงมอบให้ กทม. ดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ในปี 68 วางแผนพัฒนาปรับปรุงเพิ่มอีก 4 ท่า ได้แก่ ท่าโอเรียนเต็ล, ท่าเทเวศร์, ท่าสะพานกรุงธน (ซังฮี้) และท่าเขียวไข่กา และ ในปี 69 วางแผนจะพัฒนาปรับปรุงเพิ่มอีก 11 ท่า ได้แก่ ท่าราชวงศ์, ท่าวัดเทพากร, ท่าพิบูลสงคราม 1, ท่าพิบูลสงคราม 2, ท่าวัดเทพนารี, ท่าวัดตึก, ท่ารถไฟ, ท่าสี่พระยา, ท่าวัดเขมา, ท่าพรานนก และท่าวัดสร้อยทอง

เมื่อแล้วเสร็จจะทำให้เกิดการพัฒนาท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาครบทั้งหมด 29 ท่า โดยกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมที่จะต้องขับเคลื่อนนโยบายด้านต่างๆ สู่การปฏิบัติ เพื่อประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาเกิดความสะดวกและความปลอดภัย