เมื่อวันที่ 7 ก.ค. พรรคไทยสร้างไทย ออกแถลงการณ์ เรื่องมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 47 วรรคสาม ซึ่งระบุไว้ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจตามมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมมิให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 “ซึ่งเป็นโรคติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของผู้ได้รับเชื้อ” แพร่ระบาดในวงกว้าง ปรากฏตามประกาศฉบับลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 นั้น 

โควิด-19 จึงเป็นโรคติดต่ออันตรายที่รัฐมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการทั้ง “ป้องกัน” และ “ขจัดอันตราย” ให้กับประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 วรรคสาม ซึ่งระบุไว้ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”

เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงทางการแพทย์ว่า วัคซีน Sinovac รัฐจัดหามาให้กับประชาชนกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยและมีประสิทธิภาพเพียงป้องกันไม่ให้ผู้ติดเชื้อเสียชีวิต แต่ไม่สามารถ “ป้องกัน” การติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย (Delta) หรือสายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังแพร่ระบาดและเป็นอันตรายต่อชีวิตของประชาชนได้ ขณะที่ข้อมูลและสถิติทางวิชาการด้านสาธารณสุขชี้ให้เห็นว่า มีวัคซีน mRNA ที่สามารถป้องกันและขจัดโรคติดต่อที่เป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน ได้ตรงตามเจตนารมณ์ต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 47 วรรคสาม

ดังนั้น การที่ ครม.ได้อนุมัติให้มีการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 10.9 ล้านโด๊ส วงเงิน 6,100 ล้านบาท เมื่อวัคซีนดังกล่าวไม่สามารถ “ป้องกัน” การติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดได้ การจัดซื้อวัคซีนดังกล่าวจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 47 และมาตรา 55 ผู้ที่สั่งซื้อและ ครม.อาจมีความผิดฐานจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอันถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

พรรคไทยสร้างไทยจึงเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและ ครม.ได้ทบทวนการสั่งซื้อวัคซีนที่ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อันเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย และเร่งจัดหาวัคซีนที่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวให้กับประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอันเป็นหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญต่อไปโดยเร็ว

โดยถือว่าแถลงการณ์ฉบับนี้เป็นการแจ้งประเด็นที่มติ ครม.ดังกล่าวอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ และพรรคไทยสร้างไทยได้แจ้งต่อ ครม.ทั้งคณะได้รับทราบแล้ว.