เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนนครไชยศรี ศาลนัดฟังคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ 767/2563ที่ พนักงานอัยการคดีศาลแขวง 6 (ปทุมวัน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องน.ส.ณัฏฐา มหัทธนา, นายพริษฐ์ ชีวารักษ์ ,นายธนวัฒน์ วงค์ไชย ,นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล, น.ส.พรรณิการ์ วานิช, นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนาย ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร เป็นจำเลย1-8 ในความผิด ตามพ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวังฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยกีดขวางทางเข้าออกหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานีรถไฟ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะฯ,ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะก่อให้เกิดความไม่สะดวกแก่ประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะอันเป็นที่ชุมนุม หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนเกินที่พึงจะคาดหมายได้ฯ ,พ.ร.บ. ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ

จากกรณีที่ กลุ่มจำเลย ร่วมในการชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอล์กสี่แยกปทุมวัน หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562
ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ คดีกู้ยืมเงินจากนายธนาธร 191 ล้านบาท และจำเลยยังได้สลับกันขึ้นปราศรัยในการชุมนุมดังกล่าว

โดยในวันนี้จำเลยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า  เมื่อจำเลยประกาศ เชิญชวนผู้ชุมนุมมาร่วมชุมนุมผ่านเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์  ของกลุ่มจำเลย เอง ย่อมรู้อยู่แล้วว่าหากประกาศโพสต์เชิญชวนจะต้องมีประชาชนมาร่วมชุมนุม จำนวนมาก ดังนั้นจำเลยจึงเป็นผู้จัดการชุมนุมโดยแบ่งหน้าที่กันทำ ศาลเห็นว่าจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบต่อการชุมนุมไม่ให้กีดขวางการสัญจรของประชาชนต่อระบบขนส่งสาธารณะและการชุมนุมอยู่ในเขตพระราชฐาน ใกล้กับพระราชวังสระปทุมฯในระยะ 150 เมตร พิพากษาจำคุก จำเลยทั้ง8 จำนวน 4 เดือนปรับ 10,000 บาท เมื่อพิเคราะห์อายุประวัติสถานะทางสังคมความมีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและการชุมนุมเป็นการแสดงออกแสดงความคิดเห็นทางการเมืองไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงเห็นควรให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี

ส่วนกรณีที่จำเลยไม่แจ้งการชุมนุมและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ปรับพินัย  ศาลสั่งปรับ 20,200 บาท