นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้แจ้งเตือนพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” ส่งผลให้ทั่วประเทศมีฝนตกหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ตนจึงได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าและสำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อน
เช่น จ.สุโขทัย สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 2 ได้นำเรือพระราชทานท้องแบน 3 ลำ พร้อมเครื่องยนต์หางยาวติดท้าย 3 ชุด, รถยนต์หกล้อติดเครน 2 คัน และรถยนต์กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ 1 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงาน 10 นาย เข้าให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พื้นที่ ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย และสำนักงานเจ้าท่าสาขาพิษณุโลก จัดเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือร่วมกับ อ.วังทอง ทหาร จิตอาสา และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมกันจัดทำกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมในเขต อ.วังทอง พร้อมนำน้ำดื่มแจกจ่ายให้กับผู้ประสบอุทกภัย
นอกจากนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม สั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม พร้อมรับมือ วางแนวทางป้องกันและเยียวยา ตนจึงได้สั่งการให้สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคทั้ง 41 สาขา และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษา ทางน้ำ 1-8 ทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์การพยากรณ์อากาศและการแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้เฝ้าระวังอุทกภัยและวาตภัยที่อาจเกิดขึ้น กำชับ สั่งการ หน่วยงานในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบฯ เตรียมความพร้อมทั้งอุปกรณ์และกำลังพล เน้นปฏิบัติในแต่ละขั้นตอน (ขั้นตอนการป้องกัน ขั้นตอนการรับมือ และขั้นตอนการฟื้นฟู) ตามแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการรับมือภัยพิบัติจากพายุที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัย ได้ทันท่วงทีในกรณีที่ได้รับการร้องขอ กรณีเกิดเหตุภัยพิบัติ ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบคมนาคมขนส่ง ขอให้กำชับหน่วยงานในพื้นที่ เร่งดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ในเบื้องต้นโดยเร็ว พร้อมรายงานให้ผู้บริหารระดับสูง เพื่อพิจารณาสั่งการและให้การสนับสนุนได้อย่างเป็นปัจจุบันต่อไป โดยให้รายงานความคืบหน้าถึงการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยกรมเจ้าท่าขึ้นในพื้นที่ พร้อมเตรียมสนธิกำลังทั้งเจ้าหน้าที่ รถ เรือ และอุปกรณ์การช่วยเหลือผู้ประภัย เพื่อออกปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในพื้นที่และออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือ ตรวจสอบความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์เรือ ตลอดจนเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ประจำเรือ รวมทั้งเรือช่วยชีวิต และอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานได้ทุกขณะ และให้สวมเสื้อชูชีพตลอดเวลาขณะอยู่ในเรือ
ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยของกรมเจ้าท่าที่มีความพร้อม อาทิ เรือพระราชทาน เรือท้องแบน รถเคลื่อนย้ายกำลังเจ้าหน้าที่ฯ ให้เข้าช่วยเหลือพื้นที่ที่เกิดเหตุโดยทันที อีกทั้งได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคและสาขา ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เฝ้าติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบให้ออกประกาศแจ้งงดการเดินเรือ รวมถึงแจ้งให้เรือจอดในบริเวณที่มีกำบังคลื่นลม โดยขอให้ติดตามประกาศ กรมเจ้าท่า และข่าวพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้กรมเจ้าท่าได้ออกประกาศกรมเจ้าท่า ที่ 204/2564 เรื่องกำหนดพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ ในช่วงระดับน้ำสูงกว่าปกติ ในแม่น้ำ ลำคลองต่างๆ เขตพื้นที่ จ.อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ในช่วงระดับน้ำสูงกว่าปกติ และให้เดินเรือกลางแม่น้ำ ลำคลอง พร้อมลดความเร็วเรือลง เพื่อมิให้คลื่นทำความเสียหายแก่บ้านเรือน หรือทรัพย์ของประชาชน โดยให้ผู้ควบคุมเรือปฏิบัติตามประกาศฯ นี้ และเชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าโดยเคร่งครัด หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 500-5,000 บาท และยึดใบประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือฯ หากประชาชนและชาวเรือ พบเหตุความไม่ปลอดภัยทางน้ำแจ้งได้ที่สำนักงานเจ้าท่าในพื้นที่ หรือที่สายด่วนเจ้าท่า 1199 ตลอด 24 ชม.