โรแบร์โต มันชินี กุนซือทีมชาติอิตาลี ที่ยืดสถิติไร้พ่ายเป็น 33 นัดติดต่อกันในทุกรายการ สุดปลื้มใจขุนพลทีมเมืองรองเท้าบู๊ตได้พิสูจน์ข้อกังขาต่อผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในทีมด้วยการทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2020 ทั้งที่ในฟุตบอลโลก 2018 เมื่อ 3 ปีที่แล้ว อิตาลี ยังไม่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยซ้ำ
อิตาลี ครองบอลได้เพียง 35% มีโอกาสยิงเพียง 7 ครั้ง ต่างจากสเปนที่ได้ยิง 16 ครั้ง มันชินี ยอมรับว่าสเปนเล่นได้ดีมาก อิตาลีไม่ได้เล่นตามแนวทางของตัวเองอย่างปกติ ต้องสู้อย่างหนัก พร้อมระบุว่า “มันมีหลายเกมที่คุณเจอความยากลำบาก มันไม่อาจราบรื่นไปได้ทั้งหมดจนถึงตอนนี้ เรารู้ว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก นั่นคือเหตุผลที่ผู้เล่นและทุกคนที่ทำงานกับเราในช่วงสามปีที่ผ่านมาสมควรได้รับเครดิตเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แทบไม่มีใครเชื่อว่าเราทำได้แต่เรายังเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เรายินดีกับชาวอิตาเลียนทุกคนที่ให้กำลังใจเรามาตลอดในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา”
อิตาลี จะเข้าไปเจอกับเดนมาร์กหรืออังกฤษในรอบชิงชนะเลิศ ในวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค. นี้ ลุ้นคว้าแชมป์แรกนับแต่ปี 1968 ในการเข้าชิงฯหนแรกนับแต่ปี 2012 ที่พ่ายแพ้ให้กับสเปน 4-0 มันโช เผยอีกว่า “เรายินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบความบันเทิงในค่ำคืนอันแสนวิเศษนี้กับชาวอิตาเลียน แต่เรายังมีเกมอีกนัด มันยังไม่จบ เราจะเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับนัดชิงชนะเลิศ"
ด้าน เฟเดริโก เคียซา ที่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำแมตช์ประกาศอุทิศรางวัลให้กับ เลโอนาร์โด สปินัซโซลา แบ๊กซ้ายเพื่อนร่วมทีมที่เจ็บเอ็นร้อยหวายฉีกจนต้องพักยาว 5-6 เดือน จานลุยจิ ดอนนารุมมา นายทวารจอมหนึบก็เผยว่านักเตะได้กำลังใจจากสปินัซโซลาก่อนแข่งและอยากให้มาอยู่ด้วยกัน