เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. โลกออนไลน์ต่างพูดถึงเป็นอย่างมาก ภายหลังจากที่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้โพสต์คลิปผ่าน TikTok ถึงกรณีของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองขอนแก่น โดยอ้างว่าถูกนายสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักมวยชื่อดัง พาเข้าโรงแรมแล้วลงมือกระทำอนาจาร หลังรู้จักกันในผับแห่งหนึ่ง
โดยอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ระบุว่า “สามารถแนะสมรักษ์ถ้าทำผิดจริงให้รับสารภาพ แต่ถ้าไม่ได้ทำให้ฟ้อง pubฐานให้คนอายุต่ำกว่า 20 ปีมาใช้บริการทำให้ตัวคุณสมรักษ์เสียหาย” ซึ่งในคลิปดังกล่าว ยังได้เผยด้วยว่า อยากจะบอกคุณสมรักษ์ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรให้การไปตามนั้น อย่าไปบิดคำให้การเด็ดขาด อะไรที่ถูกกล่าวหาคุณสมรักษ์เองต้องดูว่าเป็นความจริงไหม ถ้าเป็นความจริงก็ให้รับสารภาพไปเลย หนักจะได้เป็นเบาไม่สิ้นเปลืองเวลาของกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าหากไม่เป็นความจริงก็ต้องหาพยานหลักฐานมาหักล้างกับข้อโต้แย้งที่เขากล่าวหาคุณสมรักษ์
ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยนั้น เป็นระบบกล่าวหา ผู้กล่าวหาจะต้องเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐาน จนเชื่อได้ว่ามีผู้กระทำผิดเกิดขึ้น วันนี้สังคมเขาเชื่อว่าคุณสมรักษ์เป็นผู้กระทำความผิด ตนได้ฟังจากบทสัมภาษณ์ของคุณสมรักษ์ที่พูดว่า ไม่รู้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี พอรู้แล้วหยุดเลย คือประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณสมรักษ์ได้ดำเนินการฟ้องผับนั้นหรือยัง วันนี้คุณสมรักษ์ ต้องฟ้องแพ่ง เนื่องจากคุณสมรักษ์เข้าไปเที่ยวผับแล้วไปเจอเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีในผับ สุดท้ายมันเกิดความเสียหาย คุณสมรักษ์ต้องเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา ก็ต้องฟ้องค่าเสียหายกับสถานบันเทิงนั้น เพราะสถานบันเทิงนั้นมีกฎหมายควบคุมอยู่แล้วว่า ห้ามให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการ ถ้าสถานบันเทิงใดให้คนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการ จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาต และถูกสั่งปิด 5 ปีตามคำสั่งคสช. ที่ 22/2558
“วันนี้คำสั่ง คสช.ยังอยู่ คุณสมรักษ์ต้องให้ทนายไปยื่นฟ้องแพ่ง ฟ้องสถานบันเทิงที่คุณสมรักษ์เข้าไปเที่ยว เข้าใช้บริการ เพราะถือว่าคุณสมรักษ์นั้นเป็นผู้ใช้บริการแล้วก็ไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งในผับ ซึ่งเชื่อได้อย่างสุจริตว่าเขาต้องอายุเกินกว่า 20 ปี เมื่อเราเชื่อได้ว่า เขามีอายุมากกว่า 20 ปีแล้ว เราก็บอกว่า เราจะไปโรงแรมโดยตัวเราก็สถานะโสดอยู่แล้ว ก็ไม่มีความผิดเกิดขึ้น เพราะมันเป็นความสมัครใจ”
นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้การที่ น.ส.เอ ให้การว่า ได้แจ้งคุณสมรักษ์แล้วว่า อายุ 17 ปี แต่คุณสมรักษ์ยังพาไปนั้น เราไม่รู้ว่าอะไรคือข้อเท็จจริง ฉะนั้นคุณสมรักษ์ ต้องให้การในชั้นศาล และนำสรุปในศาล แต่เหนือสิ่งอื่นใดนั้น ต้องมีพยานหลักฐานจนเชื่อได้ว่าคุณสมรักษ์เองเป็นผู้เสียหาย การรับผิดทางอาญานั้นจะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วนคือ เจตนาภายนอกและเจตนาภายใน เพราะฉะนั้นคุณสมรักษ์ต้องไม่มีเจตนาที่จะพาเด็กอายุต่ำกว่า 17 ปี ไปเที่ยวหรือกระทำอนาจาร กระทำชำเราเด็ดขาด เพราะกฎหมายเขาห้ามไว้
“ผมก็ต้องฝากคุณสมรักษ์ด้วย ความยุติธรรมมันมีอยู่แต่เราก็ต้องแสวงหา วันนี้สังคมกล่าวหาคุณสมรักษ์ไปแล้วส่วนน้องอายุ 17 เขาได้รับการคุ้มครอง สังคมยังไม่รู้หรอกว่าใครถูก ใครผิด ขอยกตัวอย่างกรณี เหมือนขับรถชนกัน เช่น รถมอเตอร์ไซค์กับรถเก๋งชนกัน สังคมยังไงตอนแรกรถเก๋งก็เป็นฝ่ายผิดไปก่อน แล้วค่อยไปนำสืบว่า สุดท้ายรถมอเตอร์ไซค์นั้นผ่าไฟแดงมาหรือไม่ ขับมาด้วยความประมาทหรือไม่ มันเป็นหลักสากลอยู่แล้ว คุณสมรักษ์เป็นคนมีชื่อเสียง และก็เป็นเพศชาย ซึ่งสังคมเขาก็จะต้องกล่าวหาคุณสมรักษ์ไปก่อน ฉะนั้นคุณสมรักษ์จะต้องทำเหมือนที่ผมพูดว่าต้องไปฟ้องสถานบันเทิง เพราะสถานบันเทิงดังกล่าวอ้างว่า น.ส.เอ ใช้เอกสารปลอม ในประเด็นนี้ได้มีการแจ้งความ น.ส.เอ หรือยัง”
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า วันนี้เราไม่รู้หรอกว่า ใครถูก ใครผิด อะไรจริง อะไรเท็จ แต่กระบวนการแจ้งความนั้นมันมีกฎหมายรับรอง ใครแจ้งความเท็จก็ต้องรับโทษ ใครฟ้องเท็จก็ต้องรับโทษ ใครเบิกความเท็จก็ต้องรับโทษ ใครให้การเท็จก็ต้องรับโทษกฎหมายมันมีอยู่แล้ว มันให้ความเป็นธรรมกับคนอยู่แล้ว และประเทศไทยนั้นเนี่ยเรามีถึง 3 ศาล ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา กว่าจะพิสูจน์กันได้ถึง 3 ศาลนั้นไม่รู้กี่ปี แต่วันนี้คุณสมรักษ์ถูกพิพากษาไปแล้ว “ผมฝากไปถึงคนที่เป็นทนายให้คุณสมรักษ์ ก็ต้องชี้ช่องช่วยลูกความและให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย สุดท้ายถ้าคุณสมรักษ์รู้ตัวว่าทำผิดจริงๆ ให้รับสารภาพแบบสุภาพบุรุษ อย่ายื้อเวลาเด็ดขาด”..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @jopstoploss