ศึก One Championship รายการ One Fight Night 17 ที่ผ่านพ้นไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นักชกไทยขึ้นสังเวียน 3 คน ปรากฏว่า ทองพูน พีเค แสนชัย กับ เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์ พ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ ส่วนหนึ่งเดียวที่คว้าชัยชนะได้คือ “โจ ณัฐวุฒิ” นักชกจอมเก๋า อิมพอร์ตจากสหรัฐอเมริกา ที่เอาชนะคะแนน ลุค ลิสซีย์ นักชกอเมริกาอย่างดุเดือด
แต่สิ่งที่ทำให้แฟนมวยชาวไทยชื่นชม “โจ” นอกจากเรื่องการชกอันดุเดือดแล้ว คือการให้สัมภาษณ์ สไตล์การพูดเนิบ ๆ แต่ฉะฉาน สปีคอิงลิชอย่างคล่องแคล่ว รวมถึงความคิดความอ่านที่ถูกส่งผ่านคำตอบ ซึ่งเต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิต จากการไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 10 ปีเต็ม ๆ
ย้อนกลับไปสมัยชกมวยไทย “โจ” เป็นนักชกระดับพื้น ๆ ไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย ถึงจุดหนึ่ง เจ้าตัวคิดว่าจะเลิกมวยและหันไปทำงานที่เกาะพงัน ก่อนจะมีคนชวนไปแสวงโชคใช้ชีวิตที่สหรัฐเมื่อปี 2013 ด้วยวัยแค่ 23 ปี เริ่มแรกไปทำงานทุกชนิดที่ไม่ต้องใช้ภาษา เนื่องจากยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง “โจ” ทักเฟซบุ๊คไปตามยิมมวยไทยในอเมริกา ก่อนจะได้ทำงานเป็นครูสอนฟิตเนสและมวยไทยที่ยิมของ ขุนพล แก้วสัมฤทธิ์ หรือ ช.โรจน์ชัย อดีตยอดมวยชื่อดังที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่นครแอตแลนตา โดยไม่ได้คิดว่าจะกลับขึ้นสังเวียนชกมวยจริง ๆ จัง ๆ
ชัวิตผกผันอีกระลอก เมื่อมีคนติดต่อหามวยแทนขึ้นชกในศึก “Lion Fight” ศึกใหญ่ของสหรัฐ “โจ” ตัดสินใจรับงานขึ้นชก ปรากฏว่าเขาสร้างผลงานสุดยอด และได้ขึ้นชกต่อเนื่องจนกลายเป็นหนึ่งในนักชกที่ประสบความสำเรจที่สุด ก่อนชีวิตจะถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อได้รับการติดต่อให้ขึ้นชกในสังกัด One Championship เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2018 และไฟต์ที่เป็นที่จดจำของแฟนมวยไทยมากสุด คือต่อกรกับซูเปอร์สตาร์อย่าง “ซ้ายดารา” ตะวันฉาย พีเต แสนชัย ได้อย่างดุเดือด ก่อนแพ้คะแนนเฉียดฉิว ทั้งที่รับบทมวยแทนที่รู้ตัวก่อนชกแค่ 2 สัปดาห์
มาถึงการชกกับ ลุค ลิสซีย์ ในไฟต์ล่าสุด แม้จะหน้าแข้งแตกตั้งแต่ยกแรก แต่ “โจ” บอกว่ามันเอามาอ้างไม่ได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมบนเวที นักมวยมีหน้าที่ต้องแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า จะบอกว่าถ้าผมไม่เจ็บ หรือถ้าผมไม่โดนนับคงไม่แพ้ มันคงอ้างไม่ได้
หลังจากนี้ “โจ” จะพักผ่อนในไทยราว 2 สัปดาห์ก่อนจะบินกลับอเมริกา เนื่องจากเขามีงานประจำที่ต้องทำ ในขณะเดียวกัน เจ้าตัวก็ยังคงดูแลร่างกายไปด้วย มีรายการชกเมื่อไหร่ก็จะฟิตซ้อมเข้มข้นแบบดูแลตัวเองทุกขั้นตอน เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักมวยทั่วไปในเรื่องความมีวินัย ขณะที่เรื่องอนาคต “โจ” ในวัย 34 ปี เริ่มมองหาลู่ทางในการทำธุรกิจไว้รองรับหลังเลิกชกมวยแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่ต้องมีการวางแผนชีวิต เพราะอาชีพนักมวยนั้น ช่วงเวลาการทำงานมันไม่ยาวนาน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงตอนนั้น สิ่งที่แฟนมวยชาวไทยรอคอยให้เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ คือการชกไฟต์ต่อไปของ “โจ ณัฐวุฒิ” และถ้าเป็นไปได้ การล้างตากับ “ตะะวันฉาย” น่าจะเป็นซูเปอร์ไฟต์ที่แฟนมวยรอชมกันทั้งประเทศ