จากกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ดำเนินคดีพิเศษที่ 59/2566 ขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบ หรือคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ และได้จับกุมกลุ่มบริษัทนำเข้าสินค้า หรือชิปปิ้งเอกชน 10 บริษัท (เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม 11 ราย) จับกุมกลุ่มนายทุน 2 ราย ล่าสุดออกหมายเรียกนายทุนเพิ่มอีก 1 ราย (โดยเป็นหนึ่งในกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เรนโบว์ กรุ๊ป จำกัด) และเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนผู้ต้องหาลอตแรกกว่า 20 ราย ต่อ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นกลุ่มเจ้าหน้าที่ราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบริษัทชิปปิ้งเอกชน เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง พร้อมขยายผลเตรียมรับกรณีขบวนการองค์กรอาชญากรรมที่มีลักษณะเป็นการกระทำความผิดที่ส่งผลต่อความมั่นคงด้านอาหาร (สุกร) ซึ่งเป็นกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่กลุ่มใหม่ เป็นอีกคดีพิเศษ หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับการนำเข้าตู้หมูเถื่อนเกือบ 10,000 ตู้ในช่วงปี 2564-ปัจจุบัน เงินหมุนเวียนในกิจการกว่า 7,000 ล้านบาท มีทั้งข้าราชการประจำและนักการเมืองเข้าไปพัวพัน ตามที่มีการรายงานข่าวไปอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ธ.ค. ที่ บริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ต.ทุ่งน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม (ธุรกิจการขายส่งเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมกันนำหมายค้นจากศาลอาญา จำนวน 3 ฉบับ เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 3 จุด หลังขยายผลพบว่าทั้ง 3 แห่งเกี่ยวข้องกับเนื้อหมูเถื่อนของบริษัทสองพ่อลูก คือ นายวิรัช ภูริฉัตร และนายธนกฤต ภูริฉัตร กรรมการผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด จึงต้องทำการเข้าตรวจค้นเพื่อตรวจยึดพยานวัตถุและพยานเอกสาร

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ระบุว่า ภายหลังจากที่ดีเอสไอได้จับกุมสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อน ก็ได้มีการขยายผลมาต่อเนื่องถึงสถานที่ หรือห้องเย็นที่เชื่อได้ว่าทั้งคู่นำเนื้อหมูของกลางไปฝากแช่ไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้น บริษัท รักชัยห้องเย็น จำกัด จ.สมุทรสาคร เพราะสองพ่อลูกได้ชี้แจงว่ามีการนำเนื้อหมูไปฝากแช่ไว้ แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบหมูเถื่อนของกลาง พบเพียงเอกสารที่ทางบริษัทยืนยันว่าไม่ได้รับฝากแช่ตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา เพราะมีการสำแดงเท็จ ใช้เอกสารข้อความเท็จ จึงเป็นสาเหตุให้ดีเอสไอขยายผลต่อเนื่อง จนสืบสวนพบจากเส้นทางการเงินว่า บริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ได้มีการโอนเงินจำนวน 220 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารของสองผู้ต้องหา ในช่วงปี 2565-2566 โดยที่ไม่มีนิติกรรมซื้อขายระหว่างกันมาก่อน จึงเป็นข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนของสองพ่อลูก ในจำนวนประมาณ 282 ตู้ ที่เคยกล่าวอ้างว่านำไปฝากไว้ที่บริษัท รักชัยห้องเย็น วันนี้จึงเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 3 จุด ในจังหวัดนครปฐม ได้แก่ 1.บริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด 2.บ้านเลขที่ 50/6 หมู่ที่ 6 หมู่บ้านจันทกานต์ ต.มาบแค อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม จำนวน 1 หลัง ชื่อ “บ้านมีมูลทอง” และ 3.บริษัท ทรัพย์ทองหอม ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด เพื่อตรวจค้นพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยง เนื่องจากสองพ่อลูกและเจ้าของพื้นที่เป้าหมายเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน เคยทำงานที่เดียวกัน จึงเชื่อได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกัน ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ทางครอบครัว จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า ภายหลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจุดแรก คือ บริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด เบื้องต้นพบชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง เป็นประเภทเนื้อหมูสามชั้น รวมหนัก 7,000 กิโลกรัม หรือ 7 ตัน แต่แท้จริงแล้วใบเคลื่อนย้ายดังกล่าว เนื้อหมูเหล่านี้จะต้องอยู่ที่ บริษัท ทรัพย์ทองหอม ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด แต่กลับมาจัดเก็บอยู่ที่นี่แทน จึงมีความผิดตาม มาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 โดยไม่มีใบอนุญาตเคลื่อนย้าย เนื่องจากพื้นที่จังหวัดนครปฐม ประกาศเป็นเขตควบคุมโรคอหิวาห์ในสุกร (ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์ในเขตห้ามเคลื่อนย้ายโดยมิได้รับอนุญาต) หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งในวันนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐมเข้าร่วมตรวจค้นด้วย พบเอกสารบางส่วน ขณะที่จุดที่ 2 คือ บริษัท ทรัพย์ทองหอม ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด พบชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 10,000 กิโลกรัม หรือ 10 ตัน ส่วนจุดที่ 3 เป็นบ้านพักของเจ้าของบริษัททั้ง 2 แห่ง โดยเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ คือ การเข้าไปตรวจค้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางทางการเงินที่พบว่ามีการโอนเงินให้กับสองพ่อลูกนายทุนหมูเถื่อน

นอกจากนี้ ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงบริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด ได้ให้ข้อมูลว่าตนเองและครอบครัวได้รับผลกระทบจากกลิ่นเน่าเหม็นจากกองขยะชิ้นส่วนสุกรของโรงงานที่เอามาตั้งทิ้งไว้บริเวณถังขยะหน้าโรงงาน และยังมีการปล่อยน้ำเน่าเสียลงลำน้ำสาธารณะ ทำให้กระทบต่อสภาพแวดล้อมและน้ำเน่าเสีย อีกทั้งตลอดในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมาคนในบ้านมีอาการป่วยจากโรคผิวหนังซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจากปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงเครื่องจักรกลของโรงงานยังส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย และที่ผ่านมาตนเคยแจ้งทางองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งน้อยให้เข้ามาตรวจสอบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาตรวจสอบ ทำให้ปัญหาดังกล่าวเบาบางลงไปบ้าง แต่ก็ยังส่งผลกระทบอยู่

ต่อมาเวลา 12.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการตรวจค้นเบื้องต้นสำหรับ 3 พื้นที่เป้าหมาย พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นวันนี้ เราได้พบเอกสารสำคัญที่เกี่ยวกับความเชื่อมโยงในการซื้อขายชิ้นส่วนสุกร ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ทำการตรวจยึดไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนชิ้นส่วนสุกรที่พบในวันนี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ได้ดำเนินการอายัดไว้ตรวจสอบ พร้อมกับกล่าวโทษต่อผู้กระทำความผิดแล้ว ส่วนเนื้อหมูที่พบในห้องเย็นวันนี้ทราบว่ามีการสั่งจากพื้นที่ในจังหวัดนครปฐมและนอกตัวจังหวัดนครปฐม จากนั้นจะทำการบรรจุสินค้าคล้ายแพ็กเกจสำหรับส่งร้านชาบู และส่งจำหน่ายภายในประเทศไทย ไม่ได้จัดส่งต่างประเทศ และสำหรับพื้นที่เป้าหมายที่เป็นบ้านพัก ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นแล้วไม่พบเจ้าของบ้าน มีเพียงพนักงาน และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายในบ้านพักแต่อย่างใด

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อว่า เท่าที่ตรวจสอบดูหมูในห้องเย็นค่อนข้างพิสูจน์ได้ยากว่าเป็นหมูมาจากที่ไหน เพราะมันถูกหั่นเป็นชิ้นไว้ในถุงพลาสติก แต่ดีเอสไอก็จะขยายผลหาต้นตอต่อไป แต่ตอนนี้เราได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากแล้ว ประกอบกับมีผู้ให้ข้อมูลจำนวนมาก และในเคสห้องเย็นนี้ก็จบกระบวนการที่เราสืบสวนขยายผลมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด กันตา ไทยโฟรเซ่นฟิช และบริษัท มายเฮ้าส์ เทรดดิ้ง จำกัด เรียบร้อยแล้ว จนมาเจอว่าเนื้อหมูต่างๆของสองพ่อลูกที่เราจับกุมไป อาจมีการนำมาฝากแช่ไว้ที่ห้องเย็นเเห่งนี้ และจากนี้เราจะเร่งติดตามว่าเนื้อหมูได้กระจายไปที่ใดบ้าง

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้เราจะเชิญกรรมการของบริษัทห้องเย็นทั้ง 2 แห่ง จำนวน 2 ราย เข้าให้ปากคำชี้แจงรายละเอียดในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เราจะตรวจสอบบริษัทที่ส่งเนื้อหมูมาที่ห้องเย็นทั้ง 2 แห่งด้วยว่านำเนื้อหมูมาจากที่ใด เพราะเราพบวัตถุเอกสารที่เป็นใบเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนสุกร ซึ่งมีรายชื่อของบริษัทต้นทางทั้งหมดที่นำมาขาย ส่วนสมุดบัญชีธนาคารยังไม่พบ ทั้งนี้ กรณีของทางแม็คโครยังไม่ได้มีการประสานมาว่าจะเข้ามอบเอกสารในวันเวลาใด แต่เราได้ให้กรอบระยะเวลา 1 เดือน หรือ 30 วัน นับแต่วันที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้น

ด้าน น.ส.ขนิษฐา พืชพันธุ์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า ของกลางหมูสามชั้น 7 ตัน เราจะทำการอายัดไว้ และกล่าวโทษกับผู้กระทำผิด ซึ่งในกระบวนการ เราตะทำเอกสารการอายัด และจะนำหมูสามชั้นไปชั่งน้ำหนัก ลงบันทึกประจำวันกับ สภ.สามควายเผือก ซึ่งจะเสร็จสิ้นหน้าที่ของทางปศุสัตว์ ส่วนเรื่องของการสำแดงสินค้า ในห้องเย็นดังกล่าวทางตัวแทนได้มีการแสดงเอกสารการเคลื่อนย้าย แต่ส่วนที่เราดำเนินคดีคือส่วนที่ผู้ประกอบการไม่มีเอกสารการเคลื่อนย้าย ซึ่งสัดส่วนจำนวนหมูในห้องเย็นนั้นมี 7 ตัน แต่เอกสารที่นำมาสำแดงยังไม่ครบทั้ง 7 ตัน จึงต้องรอทางผู้จัดการของห้องเย็นนำเอกสารมาชี้แจง หรือนำเอกสารสำแดงสินค้ามามอบให้ทางปศุสัตว์ก่อน เพื่อความชัดเจน และต้องดูความถูกต้อง

น.ส.ขนิษฐา กล่าวด้วยว่า จากการดูด้วยตาเปล่าของหมูที่พบ ยังไม่สามารถสรุปหรือตำแรกลักษณะได้ว่าเป็นหมูนอกหรือหมูไทย เพราะว่าส่วนที่พบอยู่ในห้องเย็นคือส่วนที่สำแดงเป็นเนื้อหมู ไม่มีอะไรที่ระบุหรือบ่งชี้ได้ว่าหมูในห้องเย็นวันนี้เป็นหมูที่มีที่มาจากไหน จึงต้องตรวจสอบกับทางห้องเย็นก่อน อีกทั้งเนื้อหมูที่พบก็ไม่มีการบรรจุหีบห่อเป็นกล่องแต่อย่างใด รูปลักษณะไม่ได้แตกต่างกับหมูนำเข้า จึงยังฟันธงไม่ได้ว่าหมูไทยหรือหมูนอก แต่ขอตรวจสอบเอกสารทั้งหมดก่อน เพราะยังไม่มีใครเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ ในส่วนที่เราอายัดไว้ ผู้ประกอบการจะเคลื่อนย้ายไม่ได้จนกว่าศาลจะมีคำสั่ง

ขณะที่นายสัตวแพทย์ปรีดา ถาวรประดิษฐ์ ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม กล่าวว่า จังหวัดนครปฐม คือ จังหวัดที่ประกาศเป็นเขตควบคุมโรคอหิวาห์ในสุกร ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายสัตว์ในเขตห้ามเคลื่อนย้ายโดยมิได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 นอกจากนี้ ภายหลังจากดูลักษณะของห้องเย็นแห่งนี้ จะต้องเชิญเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรมและเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์เข้ามาร่วมด้วย เพราะต้องพิจารณาการขึ้นทะเบียนให้ห้องเย็น และเรื่องแรงงานคนก็ต้องประสานกับกระทรวงแรงงานเข้ามาตรวจสอบ รวมถึงประสานไปยังสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครปฐมด้วย ซึ่งตนยอมรับว่าในพื้นที่จังหวัดนครปฐมมีโรงฆ่าหมูและห้องเย็นจำนวนมาก

ส่วนนายชาญวิทย์ โสภาลดาวัลย์ ปศุสัตว์อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่าห้องเย็นแห่งนี้ (บริษัท ทองหอม ฟู้ด โปรดักส์ จำกัด) มีการเปิดกิจการประมาณ 2-3 ปี แต่ตนเพิ่งย้านเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ตัวกฎหมายเรื่องการรับรองห้องเย็นขึ้นอยู่กับภาคความสมัครใจและไม่สมัครใจ แต่คงต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าห้องเย็นแห่งนี้ได้มาขอขึ้นทะเบียนกับปศุสัตว์หรือไม่ และได้ขึ้นทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ เพราะตนยังไม่มั่นใจ อีกทั้งที่ผ่านมาตนเคยมาดูห้องเย็นแห่งนี้บ้างแล้ว และเขามีใบเคลื่อนย้ายจริง แต่ใบเคลื่อนย้ายอาจจะไม่ครอบคลุม ส่วนการปล่อยน้ำเสียของห้องเย็น เท่าที่ทราบ ไม่มีการร้องเรียนมายังปศุสัตว์ แต่ถ้าชาวบ้านได้รับผลกระทบก็จะต้องแจ้งไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล นอกจากนี้ ในส่วนเอกสารที่ทางห้องเย็นได้สำแดงกับปศุสัตว์ ตนยังไม่เห็น เพราะจะเป็นทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพที่จะดูแลเรื่องนี้

ส่วนกรณีสมุดเขียวที่ไว้สำหรับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ตรวจสอบความเรียบร้อยนั้น พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.สามควายเผือก จ.นครปฐม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำได้เพียงตรวจความปลอดภัยบริเวณด้านนอก และความผิดอาชญากรรมอื่นๆ แต่เรื่องชิ้นส่วนสุกร ตำรวจไม่มีอำนาจหน้าที่ในการเข้าตรวจสอบแต่อย่างใด.