จัดฉากชื่นมื่นวันลอยกระทง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้ควงคู่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมพิธีลอยกระทง โดยมีผู้บริหารของเทสล่ามาร่วมลอยด้วย
โชว์เปิดดีลด้านเศรษฐกิจ ที่สามารถดึงนักลงทุนมาชิมรางลงทุนในไทยสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำหน้าที่เป็นเซลล์แมน เป็นก้าวไปอีก 1 เสิร์ฟ ที่จะสร้างงานให้คนไทยมีรายงานเพิ่มขึ้น
สอดรับกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) “เศรษฐา1” อนุมัติโครงการมากมายประดุจการเทกระจาด ทั้งอนุมัติโครงการแบบสับๆ “นายกฯเศรษฐา” ตั้งโต๊ะนำแถลงแก้หนี้นอกระบบ ดันเป็นวาระแห่งชาติให้รัฐเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยโดยใช้ “บิ๊กตำรวจ” เช็คลิสลูกหนี้ดึงให้เข้าระบบสู่การปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการปราบอิทธิพล และกระทรวงมหาดไทยตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ” เปิดให้ลงทะเบียนดีเดย์ 1 ธ.ค. ต้องจับตา12 ธ.ค.แถลงภาพรวมแก้หนี้แบบครบวงจร
“นายกฯเศรษฐา” ยังได้สร้างวิมานในอากาศให้ประชาชนได้เห็นว่า การแก้ไขหนี้ในวันนี้ไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ แต่รัฐบาลจะทำให้โครงการนี้ เพื่อปลดปล่อยประชาชนจากการเป็นทาสหนี้ และมีแรงใจในการทำตามความฝัน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และการแก้หนี้ในครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา โดยจะเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนายอำเภอและฝ่ายปกครอง ที่ต้องร่วมมือกันทำงาน จะมี “เคพีไอ” เป็นตัวกำหนดเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจน
ตามติดไฟเขียวเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่บรรจุใหม่มีผล 1 พ.ค.67 โดยปรับฐานเงินเดือนใหม่ภายใน 2 ปี จะปรับเพิ่มปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ ปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 18,000 บาท และปวช. ได้รับไม่ต่ำกว่าเดือนละ 11,000 บาท
ยังได้ขยายเพดานค่าครองชีพชั่วคราวจากเพดานเดิม แบ่งเป็นข้าราชการ ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 13,285 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 13,285 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 14,600 บาท จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 14,600 บาท เจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็น 11,000 บาท หากใครที่ได้รับเงินไม่ถึงจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 11,000 บาท
พร้อมปล่อยผีขยายเวลาเปิดผับ ได้ถึงตี 4 เริ่ม 15 ธ.ค. ในจังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย กทม. ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และ อ.เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี และฉลองเค้าดาวน์เปิดได้ถึง 6 โมงเช้า ของวันที่ 1 ม.ค.2567
นอกจากนี้ยังคิกออฟ “มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว” เริ่มต้นโอนเงินให้แก่ชาวนาไร่ละ 1 พันบาท ไม่เกิน 20 ไร่
เรียกกันว่าแจกกันแบบจุกๆ กับงานถนัดเดินเกมรุก ปลุกเกมร้อน กลบเกมร้าย หลังว้าวุ่นอยู่กับโครงการเงินดิจิทัลวอล์เล็ต 1 หมื่นบาท ที่ยังไม่ถึงมือกฤษฎีกา จนถูกมองว่ารัฐบาลกำลังเล่นเกมยื้อให้ถึงที่สุด นับจากวันที่กฤษฎีกาออกมาทวงจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
นอกจากนี้ยังมาว้าวุ่นวนเวียนยืนงง อยู่ในดงความหมาย ของคำว่า “ซอฟเพาเวอร์” ที่พากันลุยเดินหน้า แต่ยังไม่สามารถหยิบจับขึ้นมานำได้อย่างเป็นรูธรรม
วาระหลักหลักของ “รัฐบาลเศรษฐา” ยังไปได้ไม่สุด จึงจำเป็นต้องจัดของออกมาแจกให้คนไทยได้ลืมเรื่องร้อนดึงเกมยื้อวิกฤติออกไป
แม้จะยื้อออกไปได้ก็ต้องมาสะดุดกับปมร้อน กับหมูเถื่อน “พ่นพิษ” ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปไล่บี้จับรายใหญ่ หลังเข้าตรวจค้นที่บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)สำนักงานใหญ่ เพราะมีข้อมูลจากการสืบสวนสอบสวน พบว่า มีการรับซื้อชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งจากบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัดเครือข่ายหมูเถื่อน ที่ได้ถูกจับกุมดำเนินคดีไปก่อนหน้า และขยายผลไปถึง
ตามมาด้วยที่ประชุมครม.มีมติเด้งฟ้าผ่า หัวหน้าชุดจับหมูเถื่อน “สุริยา สิงหกมล” พ้นอธิบดีดีเอสไอ ไปนั่งตำแหน่งรองปลัดยุติธรรม ทามกลางความงวยงง โดย “นายกฯเศรษฐา” โยนให้เจ้ากระทรวงชี้แจง โดย “รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ชี้แจงว่า การโยกย้ายครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของหมูเถื่อน และไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งแต่หรือมีอคติ แต่เป็นเพราะ “พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรัตน์” อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนคนเก่า ถูกย้ายไปเป็นเลขาธิการ ศอ.บต. ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจฯ ว่างลง จึงจำเป็นต้องเสนอย้าย “พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล” รองปลัดยธ.ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าว เมื่อตำแหน่งรองปลัดกระทรวงยุติธรรมที่มีความสำคัญ ที่จะต้องขับเคลื่อนงานนโยบายของกระทรวงในภาพรวม ว่างลง จึงสมควรย้าย “พ.ต.อ.สุริยา” มารับตำแหน่งนี้ เพราะเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับตำแหน่งรองปลัดฯที่ว่างลงเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องนี้ก็อยู่ที่ใครจะเลือกเชื่อ หรือไม่เชื่อ ก็ไปตัดสินกันเอาเอง แต่ในโลกโซลเชียลร้อนกระหึ่ม บางคนใกล้ตัว ออกมาตั้งคำถามว่า เป็นเพราะใกล้จับตัวใหญ่ได้จึงโดนเด้ง
ร้อนถึงบ้านใหญ่บางบอน “ลุงเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก่อนหน้าได้ออกมาแฉปมร้อน กระบวนการปราบหมูเถื่อน ไม่ควรใช้ดีเอสไอ มาปฏิบัติการกวาดล้างจับกุม เพราะรู้ว่าเบื้องหลังใครเป็นนายทุน ใครเป็นผู้บงการ และประมาณในช่วง 2-3 วันมานี้ อธิบดีดีเอสไอ ก็ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบขยายผลแหล่งต้องสงสัย ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งทราบว่ามีบางแห่งมีความผูกพันกับผู้บริหารประเทศ เลยถูกย้าย
“ลุงเหลิม” ยังจี้ไปที่ “นายกฯเศรษฐา” ถามหาความรับผิดชอบ”ผมไม่ได้กล่าวหาว่าใครสั่งย้าย แต่มันต้องมีคนย้ายอธิบดีดีเอสไอ แน่เพราะมีคำสั่งออกมา นายกรัฐมนตรีที่สั่งกวาดล้าง จะรับผิดชอบอะไรบ้างหรือไม่ ก็คงเป็นเวรกรรมของเจ้าหน้าที่ต่อไป” พร้อมยืนยันข้อมูล มีรัฐมนตรีอักษรย่อ ป.ส.ฉ. ยังมีบทบาทกับขบวนการนี้ ทางที่ดีควรให้กรมศุลกากรเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเหมาะสมกว่า หากมอบหมายให้หน่วยงานเล็กๆทำงานก็จะถูกย้ายอีก
เรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเกษตรและสหกรณ์ ที่มีพรรคก้าวไกลเป็นประธาน ตั้งประเด็น ถาม ‘ดีเอสไอ-หน่วยงานเกี่ยวข้อง’ แจงปมหมูเถื่อนลามเซ่นเด้ง ‘อธิบดีอีเอสไอ ’ เพราะประชาชนข้องใจทำไมโยกย้ายช่วงความจริงใกล้ปรากฏ พร้อมบี้ ‘นายกฯเศรษฐา’ ต้องเคลียร์คัทข้อสงสัย จะลากคอหาผู้บงการมาลงโทษได้หรือไม่ ต้องปฏิบัติการคุมเข้มยกระดับล้างบาง เปิดโปงกระบวนการซุกอำพราง
จับตาเกมร้อนรอเสิร์ฟ ในสภา อีกไม่กี่วันก็เปิดแล้ว หัวหมู่ทะลวงฟัน “รังสิมันต์ โรม” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลับดาบเตรียมจัดหนัก โดยใช้กลไกในสภาเปิดเวที ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้นแน่นอน รอซับเลือดได้เลย ทั้งประเด็น ตั๋วตำรวจเพื่อไทย หมูเถื่อน เงินดิจิทัล และยังมีประเด็นอื่นๆอีก
ดูแล้ว“รัฐบาลเศรษฐา”ต้องเตรียมจัดทัพรับมือไว้ให้ดี เพราะ 3 เดือนที่ผ่านมางานหลักโคตรประชานิยมสะดุด ออกอาการยื้อส่อเค้าล่ม ได้แต่ตีปี๊บโปรยยาหอม และระหว่างปั่นผลงาน ก็มีแต่ปัญหาแทรกเข้ามาตลอด ไม่ว่าเรื่องยาเสพติด เรื่องสังคม อาชญากรรม ทำเอานักท่องเทียวจีนลดฮวบล่าสุดยังเจอปัญหาเรื่องพลังงานที่แก้ไม่ตก จู่ๆคณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) ดันมาเคาะขึ้นค่าไฟงวดใหม่ ม.ค. – เม.ย. 67 อัตรา 4.68 บาท ขึ้นทีเดียว 69 สต.
งานนี้รอสัญญาณจาก “นายกฯเศรษฐา” จะทำเช่นไรถ้าไม่รีบจัดการ รับรองเจอถล่มยับแน่นอน เพราะเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อน
หันมาดูขั้วอำนาจเก่าทางเดินของ พี่น้อง 3 ป.ที่ต่างคนต่างสไตน์ “บิ๊กตู่”ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังบัลลังก์อำนาจก็ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายกับศรีภรรยา อาจารย์น้อง โชว์ภาพหวาน เที่ยวชิลๆกับครอบครัวที่ประเทศญี่ปุ่น ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นองคมนตรี
ด้าน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังคงอยู่ในวังวนการเมืองไม่หายไปไหน ยังคงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้เกมอำนาจในมือแทบจะไม่มีเหลือ หลังจากที่รบแพ้ก็มีพลพรรคต่างห่างหายไป อย่าง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมว.เกษตรฯคนเคยรัก สายตรงคนชั้น 14 เตรียมหอมผ้าย้ายพรรคซบเพื่อไทยรอเวลาประกาศอย่างเป็นทางการเท่านั้นเอง
ขณะที่“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ใช้ชีวิตแบบมีความสุขแบบเงียบๆ ถึงแม้จะหายจากจอเรดาร์การเมือง
เป็นการปิดฉากเกมอำนาจ 3 ป.ที่มีวิถีการดำเนินชีวิตในแบบฉบับของตัวเอง.!