นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในไตรมาสที่ 4/64 ราคา LNG มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นและทรงตัวอยู่ในระดับสูง เพราะความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเมื่อใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว รวมถึงปีนี้ปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติในยุโรปยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี สร้างความกังวลว่าอุปทานก๊าซธรรมชาติอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้
โดยสำนักข่าว Bloomberg คาดการณ์อุปสงค์ LNG ของโลกจะเพิ่มขึ้น จาก 29.7 ล้านตัน ในเดือน ส.ค. 64 มาอยู่ที่ 34.8 ล้านตัน ในเดือน ธ.ค. 64 และ 36.2 ล้านตัน ในเดือน ม.ค. 65 อย่างไรก็ตาม เริ่มมีแรงขายจากกลุ่มผู้ใช้หลักในเอเชีย เช่น จีน และ Portfolio Player เช่น BP เพื่อฉวยโอกาสทำกำไรในระยะสั้น นอกจากนี้ ราคาถ่านหิน (ใช้ผลิตไฟฟ้าเช่นเดียวกัน) เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งคาร์บอน เครดิต (ราคาชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้า) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ทำให้การใช้ก๊าซธรรมชาติมีความสามารถในการแข่งขัน (competitiveness) เชิงเศรษฐศาสตร์เพิ่มขึ้น จึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของราคาถ่านหินและคาร์บอน เครดิตควบคู่ไปด้วย เพราะมีผลกระทบต่อความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หากท่อ Nord Stream 2 (ขีดความสามารถสูงสุด 55 พันล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี) ซึ่งขนส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังเยอรมนี สามารถเปิดดำเนินการได้ภายในปีนี้ จะเป็นปัจจัยที่ชะลอราคามิให้ทะยานสูงขึ้นมากนัก แต่จากสถานการณ์ล่าสุด แม้โครงการก่อสร้างท่อดังกล่าวแล้วเสร็จ แต่กระบวนการขออนุญาตเพื่อเปิดดำเนินการต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 4-8 เดือนนับจากนี้
นักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ อาทิ Platts และ Wood Mackenzie รวมทั้งหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศของ ปตท. คาดการณ์ว่าราคา LNG ตลาดเอเชียในไตรมาสที่ 4/64 จะทรงตัวเหนือระดับ 20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู หากสถานการณ์ตลาดไม่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้