เมื่อประมาณ 17,000 ปีก่อน มนุษย์ในยุคเริ่มแรกของยุโรป มีการพัฒนาหลายด้าน ตั้งแต่การผลิตของใช้ไปจนถึงงานศิลปะ หลังจากอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน และมีพฤติกรรมที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงมีการคิดค้นพิธีกรรมต่าง ๆ ขึ้นด้วย
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของยุคนี้ ซึ่งมีชื่อเรียกว่ายุคแมกดาเลเนียน สามารถระบุพิธีกรรมและธรรมเนียมปฏิบัติออกมาได้หลายอย่าง โดยอาศัยการตรวจสอบซากร่างและกระดูกของมนุษย์จากยุคนั้น ซึ่งพบกระจัดกระจายไปทั่วทวีปยุโรป แต่มีเพียงหัวข้อเดียวที่การศึกษาเป็นไปอย่างยากลำบาก ซึ่งก็คือพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำศพหรือพิธีศพของคนยุคนั้น
ซากมนุษย์ยุคแมกดาเลเนียนที่หลงเหลือมาและถูกค้นพบ มีร่องรอยของการ “จัดการ” ร่างของผู้ตายหลังจากเสียชีวิตซึ่งที่บ่งชี้ว่าเกี่ยวข้องกับการกินอวัยวะหรือกินเนื้อคนด้วยกันเอง ซึ่งแต่เดิมยังไม่สามารถระบุเหตุผลที่แน่ชัดลงไปได้
แต่ล่าสุด กรณีศึกษาที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2566 ในวารสาร Quaternary Science Reviews ซึ่งรายงานการวิเคราะห์แหล่งขุดค้น 59 แห่ง ที่มีศพหรือซากร่างของมนุษย์ในยุคแมกดาเลเนียนฝังอยู่ด้วยจากหลายท้องที่ ตั้งแต่ประเทศฝรั่งเศส, เยอรมนี, สเปน, โปแลนด์ ไปจนถึงอังกฤษ ระบุว่า การ “กินเนื้อคน” ของมนุษย์ยุคนั้น เป็นส่วนหนึ่งของพิธีศพ ไม่ใช่ในลักษณะของการกินเพื่อเป็นอาหาร
ในแหล่งขุดค้น 13 แห่ง จากทั้งหมด 59 แห่ง มีหลักฐานของการกินเนื้อคนปรากฏอยู่ โดยมี 2 แหล่งที่พบร่องรอยของการฝังศพคู่กับการกินเนื้อคนด้วย ซากร่างของมนุษย์ยุคนี้ที่พบในต่างสถานที่กัน กลับมีร่องรอยการตัดและเฉือนบนกระดูกในรูปแบบเดียวกัน บ่งชี้ว่าธรรมเนียมปฏิบัติเช่นนี้ ได้แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางและเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยเจตนา
ผลที่ได้จากการวิเคราะห์กระดูกมนุษย์แมกดาเลเนียนจากแหล่งขุดค้นหลายแห่ง แสดงร่องรอยการนำไขกระดูกออกไปหลังจากเจ้าของร่างเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีหลายศพที่มีร่องรอยการตกแต่งกระดูกในเชิงศิลปะ
ทีมนักวิจัยที่แหล่งขุดค้นในฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง พบรอยแผลบนกะโหลกศีรษะ ซึ่งไม่สอดคล้องกับลักษณะของการถลกหนังศีรษะโดยทั่วไป แต่มีลักษณะคล้ายการตกแต่งที่มีการออกแบบให้สวยงาม
ซากกระดูกมนุษย์แมกดาเลเนียนจากแหล่งขุดค้นที่อังกฤษ ก็มีรอยบากในลักษณะซิกแซ็กบนกระดูกแขน ซึ่งคาดว่าเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการตกแต่งให้สวยงามมากกว่าจะเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างอื่น
ในจำนวนซากร่างของมนุษย์แมกดาเลเนียนที่มีร่องรอยของการกินเนื้อคนทั้งหมด 15 ร่างนี้ มีอยู่ 13 ร่าง ที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปได้ถึงประมาณ 17,000-11,000 ปีก่อน
ทีมนักวิจัยยังตั้งข้อสังเกตว่า มีแหล่งขุดค้น 8 แห่ง ที่มีหลักฐานมากพอที่จะสกัดหาร่องรอยทางพันธุกรรม ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่า กลุ่มคนหลายกลุ่มที่มีพฤติกรรมกินเนื้อคนด้วยกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของพิธีศพนี้ อาจมีบรรพบุรุษร่วมกัน ซึ่งต้องศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมกันต่อไป
ที่มา : miamiherald.com
เครดิตภาพ : The Trustees of the Natural History Museum, London