ถือเป็นการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการกีฬาต่อสู้ระดับโลก สำหรับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” หลังจากขึ้นครองตำแหน่งแชมป์โลก ONE MMA รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) ด้วยการเอาชนะทีเคโอ “ฮาม ซอ ฮี” สาวมากประสบการณ์ วัย 36 ปี จากเกาหลีใต้ ไปแบบประทับใจผู้ชมทั่วโลก กลายเป็นนักกีฬาการต่อสู้คนแรกและคนเดียวในโลกที่สามารถขึ้นนั่งบัลลังก์แชมป์โลกได้ถึง 3 ชนิดกีฬา ณ สิงคโปร์ อินดอร์สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา
ไฟต์นี้ถือเป็นอีกครั้งที่ “แสตมป์” สาวมากความสามารถ วัย 25 ปี จากระยอง ซ้อมหนักที่สุดในชีวิตโดยเฉพาะศาสตร์การออกอาวุธทั้งแปดที่เธอถนัดมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงการได้คู่ลงนวมดีกรีราชินีมวยไทยอย่าง “สมิลลา ซันเดลล์” ที่ช่วยขัดเกลาให้เธอแข็งแกร่งขึ้น แต่ถึงแม้ไฟต์นี้จะคว้าชัยมาได้อย่างสวยสดงดงาม เธอก็ยังยอมรับว่ารู้สึกเสียดายที่ชัยชนะในครั้งนี้ไม่ได้จบลงด้วยการซับมิชชัน โดย “แสตมป์ เผยว่า
“ไฟต์นี้หนูซ้อมในเรื่องของมวยไทยมาเยอะพอสมควร ส่วนตัวรู้สึกว่าไฟต์นี้ตัวเองเตะได้ดีขึ้น ที่ผ่านมาหนูซ้อมคู่กับ สมิลลา ค่ะ เราลงนวมด้วยกัน และด้วยความที่เธอรูปร่างสูง ก็จะช่วยให้หนูฝึกจังหวะเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างเยอะ ประกอบกับเธอช่วยเสริมแรงกระตุ้นให้ทุกครั้ง”
“แต่ว่าก็ยังรู้สึกเสียดายค่ะที่คร้้งนี้ไม้ได้ซับมิชชัน เพราะว่าทุกอย่างเข้าที่หมดแล้ว ถ้าเกมยังดำเนินต่อไปอีกสักนิดหนูน่าจะทำซับมิชชันได้ค่ะ”
เดิมทีไฟต์นี้เป็นเพียงการชิงแชมป์เฉพาะการเท่านั้น แต่ทว่า “แองเจลา ลี” ราชินีสาวเจ้าของตำแหน่งตัวจริงชาวสิงคโปร์ ได้ปรากฏตัวเซอร์ไพรส์คนดูในสนาม พร้อมทั้งประกาศแขวนนวม ทำให้ไฟต์ระหว่าง “แสตมป์ vs ซอ ฮี” จึงถูกยกระดับให้เป็นการชิงแชมป์โลกจริงไปโดยปริยาย
โดยนับตั้งแต่ “แสตมป์” ได้ตบเท้าเข้าสู่แวดวง MMA สามารถพูดได้เต็มปากว่าเธอยึด “แองเจลา” เป็นไอดอลในแนวทางการต่อสู้ แถมยังเคยประชันฝีมือกันมาเมื่อปีที่แล้ว แม้ “แสตมป์” จะตกเป็นฝ่ายผิดหวังแต่ครั้งนั้นเธอก็ได้รับกำลังใจจากไอดอลกลายเป็นแรงผลักดัน เพื่อมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จในอนาคต มาวันนี้เธอสามารถทำตามความฝันที่ตั้งเป้าไว้ได้ และเหนือสิ่งอื่นใดการได้รับตำแหน่งจากผู้เป็นแรงบันดาลใจที่ส่งมอบให้ถึงมือ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ “แสตมป์” ประทับใจแบบไม่มีวันลืม โดยเธอ เผยว่า
“ดีใจมาก ๆ ค่ะ ที่เป็น แองเจลา นำเข็มขัดมาให้ด้วยตัวเอง เพราะเหมือนเป็นการส่งต่อตำแหน่ง หนูยังจำไฟต์สุดท้ายที่สู้กับเธอได้ ซึ่งเธอเคยบอกว่าหนูจะเป็นแชมป์คนต่อไป มาวันนี้หนูรู้สึกดีใจที่กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถครองบัลลังก์ได้ถึง 3 ชนิดกีฬาค่ะ”
เส้นทางสู่ความสำเร็จในครั้งนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากย้อนไปในวันวาน “แสตมป์” ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตที่ถาโถมเข้ามาหาเธอทุกรูปแบบ แต่เธอก็ยังยืนหยัดสู้มาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะได้รับกำลังใจดี ๆ จากคนรอบข้างทั้งในครอบครัว รวมถึงทุกคนในค่ายแฟร์เท็กซ์ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของชีวิต โดยสาวผู้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่รายนี้ เผยว่า
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหนูเผชิญเรื่องราวมามากมายหลายอย่าง ทั้งเรื่องความรักที่ทำให้หนูอกหัก มันทำให้หนูเสียทุกอย่างในชีวิต และมันทำให้หนูรู้ว่าใครอยู่เคียงข้างหนูบ้าง ก็มีแค่พ่อแม่พี่น้องในครอบครัว รวมถึงค่ายมวยแฟร์เท็กซ์เท่านั้น ที่คอยให้กำลังใจหนู และทำให้หนูมีวันนี้ได้ค่ะ”
สำหรับครั้งต่อไปศึก ONE Fight Night 15 ในวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.นี้ สาวกกีฬาการต่อสู้ชาวไทยจะได้ชมการขึ้นเวทีของ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยฯ” ราชันมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต เผชิญหน้ากับ “โจ ณัฐวุฒิ” ที่คัมแบ็กกลับมาสู่สังเวียน ONE อีกครั้งในรอบ 1 ปีเต็ม โดยจะดวลฝีมือกันในกติกาคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145 – 155 ป.)
นอกจากนี้ ยังศึกชิงเข็มขัดอีกสองคู่ ระหว่าง “ธานฮ์ เล” อดีตราชัน ONE MMA ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม เผชิญหน้ากับ “อิลยา เฟรย์มานอฟ” จอมโหดจากรัสเซีย ในฐานะคู่เอกของรายการโดยมีแชมป์โลก ONE MMA รุ่นเฟเธอร์เวต เฉพาะกาล ที่ว่างเป็นเดิมพัน พ่วงด้วย “โจนาธาน ดิ เบลลา” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นสตรอว์เวต (115-125 ป.) ชาวอิตาลี-แคนาดา ป้องกันตำแหน่งครั้งแรก พบกับ “แดเนียล วิลเลียมส์” ผู้ท้าชิงลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย
แฟนกีฬาชาวไทยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง THAI TICKET MAJOR แลละรับชมการถ่ายทอดสดทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) เริ่มคู่แรกเวลา 07.00 น. และทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) รับสัญญาณสดเวลา 10.00 น.