ซึ่งนี่ก็เกิดเป็น ดราม่าร้อน” ขึ้นเพียงข้ามคืน ทั้งนี้ กับกรณีดังกล่าว ที่ก็คงรู้ ๆ กันดีว่าหมายถึงใคร นั่นก็ว่ากันไป… อย่างไรก็ตาม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ วันนี้ “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” พลิกแฟ้มชวนพิจารณาแง่มุมที่เป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” กับกระแสครึกโครมอื้ออึง-กับกรณีดังกล่าว…

วันนี้ชวนดูเรื่องเกี่ยวกับ “สิทธิพิเศษ”…

อีกกรณีสิทธิพิเศษที่ในไทยก็ “มีปุจฉา”

“บิวตี้พรีวิเลจ-สิทธิพิเศษคนหน้าตาดี?”

ทั้งนี้ หากดูกันถึงประเด็น “ดราม่าร้อน” ที่เกิดในเมืองไทยที่ผ่าน ๆ มา โดยที่มีความ “เกี่ยวโยงเรื่องรูปร่าง-หน้าตา” กับกรณีนี้-ประเด็นนี้ “ก็น่าพินิจพิเคราะห์” เพราะในไทยในระยะหลัง ๆ เกิดกระแสอื้ออึงอยู่บ่อย ๆ คือเกิดกรณีที่มีการมองว่า“คนหน้าตาดี-คนหน้าตาสวยหล่อน่ารักนั้น…มักจะได้รับสิทธิพิเศษ??” มากกว่าคนอื่น ๆ…โดยเฉพาะมากกว่าคนที่ไม่ได้มีหน้าตาสะสวยหรือหล่อเหลา ซึ่งกับเรื่องแบบนี้ “ในสังคมไทยก็เกิดเป็นประเด็นถกเถียงอยู่บ่อยครั้ง!!” ถึงขั้นที่เคยมีการ…

“เรียกร้อง” ให้ “ยกเลิกการเลือกปฏิบัติ”

เลิกให้สิทธิพิเศษ” กรณี “บิวตี้พรีวิเลจ”

ที่ยิ่งเพิ่มความ“ไม่เท่าเทียม-เหลื่อมล้ำ!!”

อนึ่ง “บิวตี้พรีวิเลจ” หรือในภาษาอังกฤษ “Beauty Privilege” แปลเป็นไทยที่ให้ความหมายได้ใกล้เคียงมากที่สุดก็จะประมาณว่า…“สิทธิพิเศษของคนหน้าตาดี” โดยที่กับคำ ๆ นี้-เรื่องนี้ในเมืองไทยเคยเกิดเป็น “ปุจฉาอื้ออึง??” ขึ้น จากการที่มีหลาย ๆ คนได้ออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากหลาย ๆ คนมีความรู้สึกว่า “ไม่ค่อยได้รับโอกาสเท่าเทียมกับคนรูปร่างหน้าตาดี…ที่มักจะได้สิทธิพิเศษกว่าคนทั่ว ๆ ไป” โดยทำให้คนที่ไม่ได้มีหน้าตาสวยหล่อ “ไม่ได้มีรูปเป็นทรัพย์” รู้สึกเหมือนเป็น “กลุ่มคนตกขอบ” ที่มักไม่ได้รับโอกาสเท่าเทียม เมื่อเปรียบเทียบกับคนรูปร่างหน้าตาดี…ที่มักได้สิทธิพิเศษ

พลิกแฟ้มโฟกัส “มุมสะท้อน” ที่มีต่อประเด็น “บิวตี้พรีวิเลจ” หรือ “สิทธิพิเศษของคนหน้าตาดี” กรณีนี้ทาง จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ได้เคยสะท้อนแง่มุมที่น่ารับฟังและน่าสนใจผ่านทาง “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ ซึ่งโดยสังเขปนั้นมีว่า… เรื่องแบบนี้ถูกสังคมนำมา “ถกเถียง” กันกว้างขวางมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังผู้คนในสังคมเริ่มตั้งคำถามว่า… “ทำไมคนหน้าตาดีมักจะได้สิทธิประโยชน์? หรือมักจะได้การยอมรับมากกว่า?” เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่อาจจะมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา และที่สำคัญ… “ประเด็นดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่วงการใดวงการหนึ่ง…แต่เกิดขึ้นในทุก ๆ วงการ”…

“อย่างเรื่องการงาน คนหน้าตาดีก็มักมีโอกาสถูกจ้างมากกว่าคนหน้าตาธรรมดา หรือในสถานศึกษา ก็เห็นได้ชัดเจนว่า…คนหน้าตาดีจะได้โอกาสให้ยืนอยู่แถวหน้ามากกว่า…” …ทาง ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เคยสะท้อนไว้

นอกจากนี้ก็ยังได้สะท้อนเรื่อง “สิทธิพิเศษของคนหน้าตาดี” ผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ไว้ต่อไปว่า… เรื่อง “ความไม่เท่าเทียมด้านรูปร่างหน้าตา” นั้น ในไทยเป็นเรื่องที่มีการ “ปลูกฝังกันมาตั้งแต่ระดับโรงเรียน” ทำให้เกิด “ค่านิยมที่ยึดติดอยู่กับภาพลักษณ์ภายนอก”เช่น หน้าตา รูปร่าง ทำให้คนที่หน้าตาหล่อสวยจึงมักได้รับโอกาสไปสู่เส้นทางที่ดีกว่าคนอื่น ๆ ที่อาจจะไม่ได้หล่อสวยเหมือนกับคน ๆ นั้น ซึ่งแม้ปัจจุบันนี้ก็ถือว่าสังคมไทยเริ่มตื่นตัวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวนี้มากขึ้น…โดยคนไทยตระหนักถึง “สิทธิความเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยก” เพิ่มขึ้น หันมาส่งเสริมค่านิยมในเรื่องความเก่ง-ความดี แต่ทว่า…

แม้สถานการณ์ปัจจุบัน“เปลี่ยนแปลงไป”

แต่ “ก็ใช่ว่าจะสิ้นค่านิยมเดิม ๆ” ที่เคยมี

“รูปร่างหน้าตาดี” ก็“ยังมักมีสิทธิพิเศษ”

ทั้งนี้ ผอ. มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ยังเคยสะท้อนไว้ถึงกรณีที่สังคมเกิดกระแส “ถกเถียง” เรื่อง “บิวตี้พรีวิเลจ” โดยบอกว่า… “ค่านิยม” นี้มีอยู่ในสังคมไทยมายาวนาน ในปัจจุบันค่านิยมแบบนี้ก็จึงยังคงมีอยู่ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่านิยมนี้ “ฝังรากลงลึกในสังคมไทยได้ยาวนาน” เพราะสังคมไทยกลายเป็น “สังคมบริโภคนิยม” ที่ผู้คน “เคยชินกับภาพลักษณ์-รูปลักษณ์ภายนอก” ที่จะ “ต้องดูดี-ดูโดดเด่น” จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบว่า “คนมีรูปโฉมเป็นทรัพย์ยังมักได้รับโอกาสที่ดี-ได้รับสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น” ที่ไม่หล่อไม่สวยเท่า ซึ่ง “สังคมไทยต้องพยายามช่วยกันปลดล็อกความเหลื่อมล้ำ” จากกรณีนี้…

เนื่องจาก หากปล่อยให้เกิด “สิทธิพิเศษแตกต่างกัน” แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็อาจ “ผลักให้กลุ่มคนหน้าตาไม่ดีตัดสินใจไปยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มคนที่หน้าตาดี” เกิดการ “แอนตี้-แบ่งแยกระหว่างกัน” จากการที่กลุ่มคนที่ไม่ได้ดูสวยหรือหล่อจะรู้สึกว่า “ไม่ได้รับความเท่าเทียม-ไม่ได้รับความเป็นธรรม” …ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้มาก ๆ “สังคมก็จะปั่นป่วน”

“จะปั่นป่วน” เรื่องนี้ “ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้”

ก็ดูกรณี “ผู้ต้องหาคดีดังเว็บพนัน” สิ…

“เปิดตัวแว๊บเดียว…ดราม่าร้อนฉ่า!!!”.