เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีผู้ใช้ Tik Tok ชื่อ @mitsubishi44 โพสต์คลิปภาพเด็กหญิงชื่อ น้องน้ำ เป็นเด็กวัด เดินตามหลวงพ่อออกบิณฑบาตทุกเช้า กินข้าวก้นบาตร จนเป็นกระแสฮือฮากันบนโลกโซเชียล มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นและแชร์กันอย่างมากมาก จึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 28 บ้านปะโด๊ะ หมู่ 8 ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ พบนายฉลาด นันทะวงค์ อายุ 44 ปี และนางอาภาภรณ์ สายัณบุตร อายุ 42 ปี สองสามีภรรยา พ่อกับแม่ ของ ด.ช.วายุ นันทวงค์ หรือน้องวายุ อายุ 13 ปี และ ด.ญ.นันทพร นันทวงค์ หรือน้องน้ำ อายุ 12 ขวบ นักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนบ้านปะโด๊ะ ซึ่งน้องน้ำ เป็นเด็กหญิงที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว กำลังนั่งอยู่ที่บ้าน สภาพบ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว หลังคามุงสังกะสี ผนังบ้านใช้สังกะสีและไม้ไผ่สาน พื้นไม้ยกสูงสภาพผุพัง ทรุดโทรม หลังคารั่ว ไม่มีทีวี ตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ ทั้งบ้านมีเพียงหลอดไฟแค่หลอดเดียว เป็นแสงสว่างยามกลางคืน และไม่มีโทรศัพท์มือถือไว้ใช้งานแม้แต่เครื่องเดียว
นายฉลาด กล่าวว่า ตนและภรรยา มีลูกด้วยกัน 2 คน คือ น้องวายุ กับ น้องน้ำ ปกติตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับจ้างตัดอ้อย ส่วนภรรยา รับจ้างเก็บพริก รายได้น้อย ฐานะยากจน ไม่มีบัตรคนจน หรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บางวันไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน หาเช้ากินค่ำ ยอมรับว่าชีวิตค่อนข้างลำบาก ลูกชายเรียนจบชั้น ป.6 จึงให้บวชเรียน ส่วนลูกสาวกำลังจะเรียนจบชั้น ป.6 ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีกำลังส่งลูกเรียนต่อหรือไม่ แต่ก็จะพยายามเพราะอยากให้ลูกได้ดี อยากให้เรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อแม่
พระอาจารย์ธนรัตน์ ถาวรธัมโม รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดปะโด๊ะ ต.ปราสาท อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า สาเหตุที่ น้องน้ำ มาเป็นเด็กวัดตามหลวงพ่อบิณฑบาต ทุกเช้า เนื่องจากก่อนหน้านี้ น้องวายุ พี่ชายของน้องน้ำ ชอบเดินตามพระมาโรงเรียน เนื่องจากทางไปโรงเรียนกับทางไปวัดทางเดียวกัน ทุกเช้า ด.ช.วายุ จะพาน้องสาว ออกจากบ้านแต่เช้า เพราะระยะทางไปโรงเรียนไกลกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งต้องเดินเท้าไปโรงเรียนเป็นประจำ โดยขณะที่สองพี่น้องเดินออกจากบ้าน จะเป็นเวลาที่พระสงฆ์เดินบิณฑบาตผ่านบริเวณหน้าบ้านพอดี ทั้งคู่จึงเดินตามหลังพระ พร้อมกับอาสาช่วยถือย่ามและสิ่งของบิณฑบาต
เมื่อมาถึงหน้าวัด พระอาจารย์จึงเรียกถามว่า กินข้าวกันมาหรือยัง ด.ช.วายุ จึงตอบว่า ยังไม่ได้กิน อาตมาจึงเรียกให้มากินข้าวที่วัดก่อนค่อยไปโรงเรียน จากนั้นทั้งสองพี่น้องจึงเดินถือย่ามเป็นเด็กวัดเรื่อยมา และช่วยเหลืองานวัดอยู่เป็นประจำ เช่นทำความสะอาดวัด ล้างบาตร ล้างห้องน้ำวัด บางวันอาตมาก็ให้เงินไปโรงเรียนบ้าง วันละ 20 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ น้องน้ำ ก็จะแบ่งฝากเป็นเงินสะสมไว้กับครูประจำชั้นอีกด้วย ต่อมา ด.ช.วายุ เรียนจบชั้น ป.6 จึงได้ลาบวชเป็นสามเณรที่วัด และอาตมาก็ส่งให้ไปเรียนต่อที่ จ.ขอนแก่น ส่วน น้องน้ำ ก็ยังคงเดินตามหลังหลวงพ่อ ช่วยงานวัดแทนพี่ชายอยู่อย่างสม่ำเสมอเรื่อยมาตามโอกาส
น.ส.วนิดา อ่อนนอก ครูประจำชั้นของน้องน้ำ กล่าวว่า น้องน้ำเป็นเด็กดี เรียนเก่ง และเป็นประธานนักเรียน มีจิตสาธารณะชอบช่วยเหลือผู้อื่น กล้าแสดงออก มีความเป็นผู้นำเป็นคนมีความรับผิดชอบ เวลามีกิจกรรมในโรงเรียนน้องน้ำ ก็จะเป็นตัวแทนของโรงเรียนในการไปเข้าร่วมหรือทำกิจกรรมต่างๆ ผลการเรียนจะอยู่ในระดับดี อีกทั้งน้องน้ำเป็นคนขยันและมีความรับผิดชอบสูง ส่วนสถานะทางครอบครัวของน้องน้ำ ค่อนข้างจะลำบาก ในการช่วยเหลือของคุณครู ก็จะคอยหยิบยื่นสิ่งของเครื่องใช้ให้ตามสมควร ที่พอจะช่วยเหลือได้ ในเรื่องของการเรียนต่อ คุณครูก็เป็นห่วงน้องและอยากให้น้องเรียนต่อ แต่จะขาดในเรื่องทุนทรัพย์ น้องน้ำมีความใฝ่ฝันอยากทำอาชีพรับราชการ เพราะอยากให้พ่อแม่และครอบครัว ได้อยู่อย่างสุขสบาย ในส่วนของคุณครู อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือน้องน้ำ ให้ได้รับการศึกษาต่อ เพื่ออนาคตของเด็กและเพื่ออนาคตของชาติด้วย
น้องน้ำ กล่าวว่า เมื่อก่อนพี่ชายจะเป็นคนช่วยเหลือในการถือของถือย่ามและทำงานช่วยวัดอยู่ตลอด แต่ตอนนี้พี่ชายไปบวชเป็นสามเณรแล้ว ตนก็ไม่ค่อยกล้าเดินตามพระบิณฑบาตทุกวัน จะเดินเป็นบางโอกาส แต่จะยังช่วยงานวัดอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะการทำความสะอาด ล้างห้องน้ำ เพราะอยากทำดีให้เหมือนพี่เณร ตนอยากเรียนต่อ แต่ถ้าพ่อแม่ส่งเรียนต่อไม่ไหว ก็อาจจะไม่ได้เรียนต่อ เพราะเข้าใจพ่อแม่ ว่าพ่อแม่ลำบาก