ในปัจจุบันการขับรถบนสภาพถนนในเมืองไทย ย่อมพบเจอถนนที่เต็มไปด้วย หลุม บ่อ หรือทางที่เรียบไม่เสมอกันอยู่เป็นประจำ แต่ทราบหรือไม่ว่าเมื่อขับรถบนทางดังกล่าวไปเรื่อย ๆ ช่วงล่างรถอาจจะเกิดความเสียหาย รวมไปถึงยางรถยนต์ก็จะได้รับเสียหายไปด้วยเช่นดียวกัน ซึ่งการตกหลุมบ่อย ๆ นั้นไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน วันนี้ “รู้ก่อนเหยียบ” จะมาเปิดเผยข้อเสียให้ทราบกันครับ

ขับรถตกหลุมมีอะไรพังบ้าง?
-ลูกปืนล้อแตก หากล้อได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจะส่งผลให้ลูกปืนล้อแตกได้ ซึ่งอาการของลูกปืนล้อแตกจะมีเสียงหอนดังขึ้น ไม่ล้อข้างใดก็ข้างหนึ่ง หรืออาจจะหลายล้อพร้อมกัน และจะดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพิ่มความเร็ว หากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้เกิดความร้อนจนแกนเพลาไหม้

-ล้อคด/ล้อแตก หากรถตกหลุมไม่แรงและไม่บ่อยครั้ง แนะนำให้ดัดคดเพื่อให้ล้อกลับมาเป็นทรงกลมเหมือนเดิม จะช่วยป้องกันอาการรถสั่นขณะที่เราใช้ความเร็วสูง แต่หากรถตกหลุมอย่างแรง อาจทำให้ยางรั่วซึมจนทำให้ยางรถยนต์แบนได้ ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้ล้อแม็กแตก จนทำให้เสียการควบคุมรถและทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะพบกับล้อแต่งที่ไม่ได้คุณภาพ

-ยางบวม/แตก การที่ยางบวมนั้นเกิดจากการขับ รถตกหลุมเป็นประจำ ซึ่งการที่ยางบวมจะทำให้รถเกิดอาการสั่นในขณะที่ใช้ความเร็วสูง และถ้าหากบวมที่แก้มยางมีโอกาสที่ทำให้ยางระเบิดได้ง่ายขึ้น

-ช่วงล่างเสียเร็วกว่าปกติ หากช่วงล่างใช้งานหนักจะทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็น โช้คอัพ ลูกหมาก ปีกนก บูชยาง เพลาขับ

-ตัวถังได้รับความเสียหาย การที่รถตกหลุมขนาดใหญ่ ตัวถังของรถก็ได้รับความเสียหายไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า ด้านหลังหรือส่วนด้านล่างของตัวถังรอบคัน โดยเฉพาะชิ้นส่วนสเกิร์ตก็จะได้รับความเสียหายไปด้วยเช่นกัน

“ขับรถตกหลุมบ่อยๆ” ส่งผลเสียต่อรถของคุณมากกว่าที่คิด ทางที่ดีหากเห็นว่าข้างหน้ามีหลุมลึก ก็ควรชะลอความเร็วลง เสียเวลาเพียงเสี้ยวนาที แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานช่วงล่างของรถออกไปได้ยาวขึ้นอย่างแน่นอนครับ…

………………………..
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ [email protected]