จากกรณีนายสมชาย แก้วโกมล อายุ 54 ปี วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เบอร์ 44 เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ยิงฆ่ายกครัวของอดีตคนรัก รวม 4 ศพ ก่อนปลิดชีพตนเองเพื่อหลบหนีความผิด หลังไม่สามารถติดต่อและตามง้อขอคืนดีอดีตแฟนสาวได้ เหตุเกิดภายในซอยแจ้งวัฒนะ 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. เมื่อเวลา 19.30 น. ของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ส.ค. เวลา 16.17 น. น.ส.ชมพู่ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนหลังจากส่งศพทั้ง 4 ศพ ขึ้นรถอาสาสมัคร โดยนางสาวชมพู่ระบุว่า ทราบข่าวจากคนในตลาดว่าแม่ถูกยิง ตนจึงรีบโทรฯ หาป้า แต่ปรากฏว่าป้าไม่รับสาย ซึ่งถือว่าเป็นลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เพราะป้าไม่เคยไม่รับสายตน เมื่อเดินทางกลับมาถึงก็พบว่าทั้ง 4 คน ถูกยิงแล้ว

ส่วนนายสมชายนั้น ตนคบหาดูใจมาได้มากกว่า 6 ปี ตลอดที่ผ่านมา ตนมาก็ถูกทำร้ายร่างกายมาโดยตลอด จนสุดท้ายจึงตัดสินใจตกลงกันที่จะจดทะเบียนหย่า แต่ทว่าฝ่ายชายยังตามราวี เพื่อหวังขอคืนดี ตนก็ไม่อยากกลับไป จนทำให้ตนถูกข่มขู่มาตลอดว่า ฝ่ายชายจะทำให้ตนเจ็บช้ำใจมากที่สุด หากไม่ยอมกลับไปคืนดี ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุลงกับครอบครัวของตนเช่นนี้ ตอนนี้เชื่อว่าสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ คือเกิดขึ้นมาจากความต้องการของนายสมชาย ที่อยากให้ตนกลับไปอยู่ด้วย

นางสาวชมพู่ ระบุอีกว่า รู้จักนิสัยนายสมชายมาโดยตลอดว่าเป็นคนที่มีพฤติกรรมรุนแรง อารมณ์ร้อน หัวรุนแรง และมีอาวุธปืน แต่ที่ผ่านมา ตนสามารถปรามไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนได้ โดยทุกครั้งตนจะเป็นคนที่นิ่งใส่นายสมชายตลอด ซึ่งนายสมชายก็จะหยุดและไม่ทำอะไรอีก ตนยืนยันว่า หากเมื่อคืนนี้ยังอยู่ที่คอนโดฯ จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้อีก เพราะตนเป็นคนเดียว ที่สามารถทำให้นายสมชายไม่กล้าใช้ความรุนแรงกับคนอื่น

ส่วนประเด็นที่มีข้อครหาเรื่องคอนโดฯ ยืนยันว่า เป็นน้ำพักน้ำแรงที่ทั้งตนและนายสมชายร่วมกันหาเงินมาซื้อห้อง ไม่ใช่นายสมชายซื้อแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งคู่ตกลงกันที่จะให้เป็นชื่อของนายสมชายเป็นเจ้าของ ส่วนเมื่อเช้าที่ตนกลับไปคอนโดฯ นั้น เพื่อเข้าไปเอากุญแจรถ และกระเป๋าของลูกชายเท่านั้น ไม่ได้นำทรัพย์สินอื่นใดออกมาอีก

ส่วนประเด็นที่นายสมชาย ไม่สามารถติดต่อได้จนเป็นชนวนเหตุครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นจากการที่ตนเพิ่งเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ จึงทำให้นายสมชายไม่สามารถติดต่อตนได้