เกือบ 3 เดือนแล้ว หลังประเทศไทยได้จัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 จนถึงวันนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้ามาบริหารจัดการประเทศ
ต้องยอมรับว่า “เกมการเมือง” จนถึงขณะนี้ ยังไม่นิ่ง ยังไม่มีอะไรแน่นอน รายชื่อที่เสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็ใช่ว่าจะ…ใช่? ต่อให้คาดเดากันไป ก็ไม่รู้ว่าจะหักปากกาเซียน กันหรือไม่?
แม้ประธานสภาจะเลื่อนกำหนดวันเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ไปเป็นวันที่ 16 ส.ค.นี้ แต่ก็ยังฟันธง 100% ไม่ได้ว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยหรือไม่?
แต่เอาเป็นว่า รายชื่อนี้ ก็เป็นที่พอใจของภาคเอกชนไม่น้อย ด้วย “เศรษฐา” ถือเป็นนักธุรกิจ ที่บรรดาภาคเอกชน เชื่อว่าจะอย่างไร? ก็ตาม ย่อมต้องเข้าใจภาคธุรกิจไม่น้อย ต่อให้…เข้ามาสู่ถนนของการเมือง แต่ย่อมเข้าใจ “หัวใจ” ของธุรกิจ!!
ดังนั้น!! ภาคธุรกิจจึงมั่นใจ สะท้อนให้เห็นได้จากความเห็นของหลาย ๆ คน อย่าง “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ย้ำมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ในภาคเอกชนนั้นพร้อมทำงานร่วมกับพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล
แต่ปัญหา… ก็คือ ขอให้ตั้งรัฐบาลโดยเร็วก็เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ หรือภายในเดือนส.ค.นี้ ทุกอย่างก็ยังเดินหน้าต่อไปได้
และ…ถ้านายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อ “เศรษฐา” ก็จะยิ่งดี เพราะเป็นนักธุรกิจในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ และประสบความสำเร็จในบริษัทที่บริหารงานจนติดท็อปทรี ของประเทศ
ที่สำคัญในห้วงเวลานี้มีสารพัดปัญหาที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญ จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เข้าสู่ภาวะที่ถดถอย เปราะบางและมีความท้าทายมากมาย รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ไฉไล มีเรื่องที่ต้องแก้ไข มีเรื่องที่ต้องรับมือจากความเปราะบาง ความอ่อนแอ ของเศรษฐกิจโลก
ดังนั้น!! หากคนจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีความเข้าใจ มีความรู้ ทางด้านเศรษฐกิจอย่างดี ก็เป็นโอกาสที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฝ่าพายุใหญ่นี้ไปได้
เช่นเดียวกับ “สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจะมีรัฐบาลชุดใหม่ตามไทม์ไลน์ คือภายในเดือนส.ค.นี้
ที่สำคัญยังมั่นใจว่าหากพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจนสำเร็จ ก็เชื่อว่าสามารถเร่งดำเนินนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไทยทันที เพราะมีประสบการณ์มาก่อน
ที่สำคัญ… ในหลาย ๆ นโยบาย ที่เคยบริหารมาก่อนหน้านี้ ก็สามารถดำเนินการจนประสบผลสำเร็จมาแล้ว!!
อย่างไรก็ตาม เพียงแค่อย่าให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นจากการ “ลงถนน” เท่านั้น เพราะหากเหตุการณ์บานปลายเหมือนในอดีต ก็จะยิ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
หรือจะเป็น “วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย ที่มองวา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย นี้ มีความถนัดด้านเศรษฐกิจ และจะเป็นผู้นำในการบริหารได้ดี
ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลและความมั่นคงทางการเมือง ที่ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันของแต่ละพรรคการเมือง หากไปด้วยกันได้ มั่นใจว่า การบริหารเศรษฐกิจและการเมืองจะเดินหน้าได้อย่างราบรื่น และส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุนที่ดี
การสนับสนุนชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยัง “โดนใจ” บรรดาคนตัวเล็กอย่างเอสเอ็มอี ที่ถือเป็นกระดูกสันหลังของวงการอุตสาหกรรมไทยอีกต่างหาก !!
โดย “แสงชัย ธีรกุลวาณิช” ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย บอกว่า เป็นบุคคลที่เหมาะสม เพราะมีความรู้ด้านเศรษฐกิจอย่างดี จึงมีความเข้าใจปัญหาของประเทศ
ทั้งนี้มั่นใจว่าเมื่อมีความรู้เศรษฐกิจอย่างดี ย่อมเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ ที่สำคัญ…เหนือสิ่งอื่นใด!!! คือการสร้างความเชื่อมั่นเรื่องการค้าการลงทุนได้เป็นอย่างดี
เมื่อบวกกับประสบการณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่มีประสบการณ์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก จะยิ่งขับเคลื่อนการบริโภค การลงทุน และงบประมาณ ให้ต่อเนื่องได้
แม้ชื่อ “เศรษฐา” จะได้รับการตอบรับอย่างดี จากบรรดาภาคธุรกิจ แต่!!เมื่อถึงเวลาแล้วจะใช่หรือเปล่า? นี่คงต้องมาลุ้นกันต่อไป… เพราะ “การเมือง” ก็คือ เรื่องของการประสานประโยชน์ ถ้า “ลงตัว” ก็จบ!!
……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”