จากเนื้อหาในตอนหนึ่งของสารคดี “9/11 : Inside the President’s War Room” ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช บอกเล่าความรู้สึกของตัวเอง ในนาทีแรกที่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดบนแผ่นดินสหรัฐ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2544 ซึ่งภาพนั้นถือเป็นหนึ่งใน “ภาพประวัติศาสตร์ของโลก” โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ ผู้นำสหรัฐในเวลานั้น กำลังลงพื้นที่โรงเรียนประถมศึกษา เอ็มมา อี. บุ๊กเกอร์ ที่เมืองซาราโตซา ในรัฐฟลอริดา
บุชเล่าว่า นายแอนดี คาร์ด ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาว เดินเข้ามากระซิบกับเขาว่า “เครื่องบินลำที่สองชนตึกที่สองแล้ว อเมริกากำลังถูกโจมตี” บุชกล่าวว่า เขามองไปที่ภาพตรงหน้า เด็กหลายคนกำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือ ส่วนสื่อมวลชนซึ่งรวมตัวอยู่ด้านหลังห้องต่างกำลังมีปฏิกิริยากับสารแบบเดียวกับที่เขาได้รับ
บุชกล่าวว่า เขาสัมผัสได้ถึงสีหน้าและความรู้สึกหวาดกลัวของทุกคน แต่ท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำประเทศ เขาจะมีท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัวไม่ได้ บุชเล่าต่อไปว่า เขาร่วมกิจกรรมกับเด็กตามกำหนดการ และปลีกตัวออกจากชั้นเรียน “เมื่อถึงเวลาเหมาะสม”
ขณะที่ไมเคิล โมเรลล์ เจ้าหน้าที่ผู้รายงานข่าวกรองประจำวัน กล่าวว่า ก่อนเดินทางมาที่โรงเรียนแห่งนี้ ผู้นำสหรัฐรับฟังรายงานข่าวกรองประจำวันตามปกติ และไม่มีข้อมูลใดบ่งชี้ความเป็นไปได้ ว่าจะเกิดการก่อการร้ายบนแผ่นดินสหรัฐ
ด้านคาร์ล โรเวอร์ หนึ่งในที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดี เป็นผู้แจ้งต่อบุชเกี่ยวกับเครื่องบินลำแรกซึ่งพุ่งชนอาคารเวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนผู้นำสหรัฐและคณะจะเดินเข้าไปในโรงเรียน ตอนนั้นบุชและทีมงาน “สับสน” และสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า อาจเป็นความผิดพลาดของนักบินหรือไม่ แต่เมื่อเข้าไปในห้องเรียนได้ไม่นาน คาร์ดเป็นคนเข้าไปกระซิบข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินลำที่สอง ซึ่งคาร์ดกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่ประธานาธิบดีไม่อยากฟัง แต่เขาต้องรับรู้”
นอกจากนั้น บุชกล่าวถึงการตัดสินใจส่งกองทัสหรัฐบุกอัฟกานิสถาน ประมาณ 1 เดือนหลังผ่านพ้นเหตุ 9/11 ว่า “เป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ และมีเป้าหมาย” นั่นคือการปกป้องชาวอเมริกัน และเขายืนยันว่า “คิดถูกแล้ว”
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า การส่งทหารเข้าสู่อัฟกานิสถาน “ช่วยให้โลกปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่” บุชตอบว่า “นับจากนั้นเป็นต้นมา อเมริกาไม่เคยเผชิญกับการโจมตีครั้งใหญ่อีกเลย และต้องมีการชำระประวัติศาสตร์เรื่องนี้”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES