สำนักข่าวเอพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ว่า รัฐบาลสหรัฐมีคำสั่งเพิ่มบทลงโทษปรับเงินเพิ่มเป็นสองเท่าสำหรับผู้กระทำความผิดด้วยการไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อเข้าไปใช้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งเครื่องบิน รถไฟและระบบขนส่งต่างๆ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตามระเบียบปฏิบัติของสำนักงานบริหารความปลอดภัยการขนส่ง ซึ่งโทษปรับเดิมนั้นอยู่ที่ 250 ดอลลาร์สหรัฐ และจะเพิ่มสูงขึ้นอีกถึง 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ หากยังกระทำผิดซ้ำสอง แต่บทลงโทษใหม่นั้นจะปรับตั้งแต่ 500-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หากยังกระทำผิดซ้ำสองอีกจะเพิ่มโทษปรับเป็น 1,000-3,000 ดอลลาร์สหรัฐ


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวระหว่างแถลงข้อกำหนดใหม่เพื่อบังคับใช้เรื่องวัคซีน อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามรณรงค์ฉีดวัคซีนและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาว่า หากกระทำผิดก็เตรียมจ่ายเงินค่าปรับไว้ได้ ประธานาธิบดีไบเดน ยังได้กล่าวตำหนิผู้คนที่แสดงความโกรธออกมา เมื่อถูกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินร้องขอให้สวมหน้ากากอนามัยบนเครื่อง แต่กลับแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดและไม่ยอมปฏิบัติตาม โดยผู้นำสหรัฐกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ผิดและน่ารังเกียจ

การบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินนี้ แยกจากกันกับบทลงโทษทางแพ่งของสำนักงานการบินแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐ ซึ่งอาจยื่นฟ้องร้องสำหรับพฤติกรรมและการกระทำที่ไม่เหมาะสมบนเครื่องบิน

ประเด็นการสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน จึงเป็นประเด็นโต้เถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางระหว่างผู้โดยสารที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยกับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินซึ่งต้องการบังคับใช้กฎระเบียบ สำนักงานการบินแห่งรัฐบาลกลางสหรัฐแจ้งว่าเมื่อเดือนที่แล้วได้รับรายงานจากสายการบินต่างๆว่ามีเหตุการณ์ 3,889 ราย เกิดขึ้นเกี่ยวกับพฤติกรรมและการกระทำที่ไม่เหมาะสมของผู้โดยสารบนเครื่องบิน และในจำนวน 2,867 ราย หรือร้อยละ 74 นั้นเกี่ยวกับผู้โดยสารไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยขึ้นเครื่องบิน

กระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิ รายงานว่า คำสั่งบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบินจะมีผลบังคับใช้ต่อไปจนถึงวันที่ 18 ม.ค.ปีหน้า
เครดิตภาพ AP