เมื่อวันที่ 1 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สำโรงเหนือ รับแจ้งคนร้ายวิ่งราวทรัพย์ในห้างทองเซียมย่งหลี ริมถนนสุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงไปตรวจสอบ พบกล้องวงจรดปิดสามารถบันทึกภาพคนร้ายขณะก่อเหตุ ทำทีเป็นลูกค้าเข้าร้านมาขอเลือกซื้อสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พอสบโอกาสคว้าทองวิ่งหนีออกจากร้านไป แต่เจ้าของร้านทองวิ่งตามก่อนร้องตะโกนให้คนช่วย พลเมืองดีเห็นเหตุการณ์ช่วยวิ่งตามจับตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อ คือ นายพลรชัย ภู่ยินดี อายุ 26 ปี
ด้านนายวรเดช ภูมิศิริวิไล อายุ 65 ปี เจ้าของร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเข้ามาขอดูสร้อยคอทองคำหนักครึ่งสลึง พอหยิบให้ดูเกิดเปลี่ยนใจขอดูเป็นสร้อยคอหนัก 1 บาทแทน พอตนยิบสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มาวางไว้ที่ถาดสีแดงผู้ก่อเหตุก็คว้าทองวิ่งออกไปเลย ตนจึงวิ่งตามออกไปตะโกนให้คนช่วย พอดีช่างกุญแจร้านข้างๆได้ยินจึงวิ่งไล่ช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้ ตอนจับตัวได้ผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใดๆ
ขณะที่นายสุจินต์ ซังโต อายุ 35 ปี พลเมืองดี เล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นตนนั่งอยู่ที่วินรถโดยสาร เห็นเหตุการณ์พอดี จึงวิ่งไล่ตามไปตอนนั้นเห็นผู้ก่อเหตุพยายามจะเอามอเตอร์ไซด์ของชาวบ้านแถวนั้นไปเพื่อหลบหนี ตนจึงวิ่งตามไปกระชากคอเสื้อผู้ก่อเหตุไว้ ส่วนผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้ขัดขืนใดๆ ตนจึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่
จากการสอบสวนผู้ก่อเหตุ เล่าว่า บ้านตนอยู่หลานหลวง กรุงเทพฯ นั่งรถประจำทางมาสุดสายที่สำโรง พอลงจากรถก็เดินเลือกร้านทอง จนมาเจอร้านทองของผู้เสียหาย คิดว่าร้านเก่าๆน่าจะให้ดูทองง่าย พอเข้าไปเจ้าของร้านก็หยิบทองให้ดูตามที่ตน บอกพอสบโอกาสเลยคว้าทองวิ่งหนี แต่วิ่งไปประมาณ 200 เมตร ก็ถูกพลเมืองดีตามจับ ที่ทำไปเพราะอยากช่วยแม่ ที่ไปกู้เงินนอกระบบมา 15,000 บาท ต้องส่งดอกทุกวันหยุดส่งไม่ได้ ตนสงสารแม่มาก คิดว่าจะวิ่งแล้วหนีรอดนำสร้อยไปขายแล้วนำเงินไปปลดหนี้ให้แม่
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สำโรงเหนือ ได้แจ้งข้อกล่าวหา “วิ่งราวทรัพย์” พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุพบว่า เคยมีประวัติถูกจับในคดียาเสพติด 2 ครั้ง และร่วมกันชิงทรัพย์อีก 1 ครั้ง