เมื่อวันที่ 29 ก.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประชาชนที่มีส่วนร่วมในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 106 วรรคหนึ่ง เปิดเผยว่า ในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ของนางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เพิ่มเติม พบข้อมูลที่ควรขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบ ดังนี้ 1.จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของนางประภาศรี กรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 พบว่านางประภาศรีแจ้งรายการทรัพย์สินอื่นของตนเอง รวมมูลค่า 23,020,000 บาท และของคู่สมรส รวมมูลค่า 0 บาท 2.ทรัพย์สินอื่นของนางประภาศรี ประกอบด้วยยอดรวม 2 รายการ คือ เงินโบราณ 1 ชุด มูลค่า 5,000,000 บาท เครื่องประดับ มูลค่า 18,020,000 บาท 3.เครื่องประดับ มูลค่า 18,020,000 บาท มีทั้งหมด 14 รายการ โดยรายการที่ 8 ระบุว่ามุก SOUTH SEA มูลค่า 700,000 บาท
4. รายการมุก SOUTH SEA มูลค่า 700,000 บาท ไม่ได้ระบุจำนวนหน่วยไว้ ซึ่ง ป.ป.ช. สามารถตรวจสอบได้เองจากรายละเอียดที่ยื่นไว้ แต่จากการตรวจสอบหาข้อมูลใน google พบรูปของนางประภาศรีสวมใส่สร้อยมุก หลายรายการที่อาจแตกต่างกัน (ดังรายละเอียดที่แนบ) กรณีนี้จึงมีเหตุที่ควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรายการ มุก SOUTH SEA มูลค่า 700,000 บาท ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ว่ามีทั้งสิ้นกี่รายการ สอดคล้องต้องกันกับรูปภาพที่พบใน google หรือไม่ หากไม่สอดคล้องต้องกัน รายการที่แตกต่าง เป็นทรัพย์สินที่ได้มาก่อนดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา หรือระหว่างดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา ถ้าได้มาก่อน จะเป็นการแจ้งรายการครบถ้วนหรือไม่ หากได้มาระหว่างดำรงตำแหน่ง มีหลักฐานการได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ อย่างไร
5.อนึ่ง นางประภาศรี ยังได้แจ้งรายการเงินให้กู้ยืม มูลค่า 5,000,000 บาท ไว้ด้วย โดยเป็นการให้กู้ยืมแก่บุคคลธรรมดา 2 ราย เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2560 และวันที่ 25 ม.ค. 2562 มีโฉนดค้ำประกันด้วย ซึ่งเป็นการให้กู้ก่อนรับตำแหน่ง สว. เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2562 แต่กลับไม่มีการแจ้งรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมทั้ง 2 รายการ ดังนั้น กรณีนี้มีเหตุอันควรตรวจสอบว่าการให้กู้ยืมทั้ง 2 รายดังกล่าว มีการคิดดอกเบี้ย หรือไม่ (ถ้ามี) ดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละปี มีจำนวนเท่าใด และได้นำดอกเบี้ยรับไปเสียภาษีให้กรมสรรพากร หรือไม่
“วันนี้จึงได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์อีเอ็มเอส เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินอื่นของนางประภาศรี ว่ามีการยื่นต่อ ป.ป.ช. โดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบว่า การให้กู้ยืมทั้ง 2 รายดังกล่าว 5,000,000 บาท มีการคิดดอกเบี้ยหรือไม่ ถ้ามี ดอกเบี้ยที่ได้รับในแต่ละปี มีจำนวนเท่าใด และได้นำดอกเบี้ยรับไปเสียภาษีให้กรมสรรพากร หรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว
ทั้งนี้ นางประภาศรีเป็น 1 ใน 13 สว. ที่ลงมติสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมถึงนางประภาศรีจะฟ้องกลับนายเรืองไกร เพราะทำให้เสียชื่อเสียง จากการที่นายเรืองไกรยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สิน สว. 6 คน ที่ลงมติสนับหนุนนายพิธา.