กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์  เมื่อ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดังแห่ง “วัดสร้อยทอง” ที่ไลฟ์แสดงธรรมผ่านเฟชบุ๊ก จนเกิดปรากฎการณ์มีคนเข้ามาฟังกว่า 200,000 คน โดย 2 พระสงค์ หรือที่นิยมเรียกย่อกันว่า “พส.” นั้น มีลีลาการเทศน์และสนทนาธรรมกับผู้ฟังด้วยความสนุกสนาน เฮฮา หยิบยกประเด็นธรรมะ รวมถึงกระแสสังคมต่าง ๆ  มาพูดคุยแบบเป็นกันเอง เรียกเสียงหัวเราะ ด้วยศัพท์วัยรุ่น ท่ามกลางดราม่าและเสียงวิจารณ์ที่มีทั้งบวกและลบ จนทำให้ คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร นิมนต์ พระมหาสมปอง  และ พระมหาไพรวัลย์  มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในกรณีที่มีคนมองว่าไม่เหมาะสมและไม่สำรวม ในการออกมาไลฟ์สดสนทนาธรรมดังกล่าว  ซึ่งมีผลออกมาว่าการสอนธรรมออนไลน์ของพระทั้ง 2 รูปนั้น จะต้องมีเนื้อหาธรรมะ 50 % และตลกขบขัน 50%  

ภาพยนตร์ Bruce Almighty

ซึ่งเมื่อมองในวงการภาพยนตร์ก็พบว่ามีการนำเรื่องราวความเชื่อทางศาสนา มาถ่ายทอดไม่หนังคอเมดี้ไม่น้อย แม้แต่ในฮอลลีวู้ด ก็ยังมีหนังตลกที่สอดแทรกความเชื่อของชาวคริสต์ อาทิ “7 วันนี้ พี่ขอเป็นพระเจ้า (Bruce Almighty)” หนังคอเมดี้ ที่ได้นักแสดงระดับแถวหน้า อย่าง มอร์แกน ฟรีแมน  , จิม แคร์รี่ และ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน  มาแสดงนำ ซึ่งแน่นอนในเรื่องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่เมื่อมองทะลุผ่านความตลก จะพบว่ามีข้อคิดในการใช้ชีวิตมากมาย ที่สำคัญยังทำให้ได้เห็นพระลักษณะของพระเจ้า ที่เปี่ยมไปด้วยความรักต่อมนุษย์ พระองค์รับฟังทุกเสียงร้องทูลของลูก ๆ พระองค์ รวมทั้งยังสั่งสอน ทรงนำทาง และประทานพรให้แก่ลูกของพระองค์ ในวิธีดีที่สุดที่จะพัฒนาความคิดจิตใจ และให้มนุษย์มีชีวิตที่มีสันติสุข โดยเฉพาะการสอนเรื่องของการมอบความรัก และความปารถนาให้คนอื่นมีความสุข  

ขณะที่แวดวงหนังไทยเองก็มีผลงานแนว “ธรรมหรรษา” ออกมาเรียกเสียงฮา สอดแทรกหลักธรรมอยู่ไม่น้อยเช่นกัน วันนี้ “มูฟวี่ โซน” จึงไม่พลาดพามาเช็คลิสต์หนังคอเมดี้ ที่มี “พส.” ร่วมถ่ายทอดเรื่องราวสนุกสนาน พร้อมหลักการใช้ชีวิตมาฝากกัน

“หลวงพี่เท่ง”

หนังตลกขึ้นหิ้ง ผลงานผู้กำกับ  โน๊ต เชิญยิ้ม โดยได้ เท่ง เถิดเทิง มารับบท “หลวงพี่เท่ง” กับเรื่องราว เมื่อ “หลวงพี่เท่ง” (เท่ง เถิดเทิง) อดีตนักเลงหัวไม้ ที่ตอนนี้เปลี่ยนใจมาบวชเป็นพระ  และย้ายมาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง ที่ชาวบ้านกำลังเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนา ด้วยการหันไปพึ่งไสยศาสตร์ของแก๊งค์ลวงโลกที่มี “พ่อเพิ่ม” (เล็ก – สมชาย ศักดิกุล) และ “พะเนียง” (พิ้งกี้ – สาวิกา ไชยเดช) ลูกสาวที่หลอกเป็นเจ้าพ่อ “หลวงพี่เท่ง” ตั้งใจจะพัฒนาจิตใจชาวบ้านให้ดีขึ้นให้ได้ โดยมี “มัคนายกส่ง” (โน้ต เชิญยิ้ม) และ “เพี้ยน” หรือ “คุณมานะ” (ทีน – สราวุฒิ พุ่มทอง) 2 ลูกศิษย์วัดคอยช่วย ซึ่งตลอดทั้งเรื่องมาพร้อมกับการยิงมุกตลกที่ลงตัว เรียกเสียงฮา ผสานกับหลักคำสอน สร้างศรัทธาด้วยหลักธรรม โดยหนังประสบความสำเร็จอย่างมาก จนทำให้เกิดเป็นภาคต่อ ๆ มา

“หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮาร่ำรวย”

ภาคต่อจาก “หลวงพี่เท่ง” ที่ได้ โจอี้ บอย มารับบท “หลวงพี่โจอี้” กับเรื่องราว เมื่อ “หลวงพี่เท่ง” ตัวละครหลักจากภาคที่แล้ว เดินทางไปทิเบตเพื่อไปแสวงหาปัญญา “หลวงพี่โจอี้” พระใหม่  อดีตนักร้องเพลงแร็ปที่มาจำพรรษาที่วัดเดียวกัน แต่ก็ยังไม่วายถูกตามตอแยโดยเหล่าแร็ปเปอร์ ให้ลาสิกขาบทกลับไปร้องเพลง  ซึ่งพออยู่วัดได้ไม่นาน “หลวงพี่โจอี้” ก็ได้รับคำสั่งให้ไปพัฒนาวัดที่กำลังมีปัญหา “หลวงพี่โจอี้” ออกเดินทางไปมาถึงหมู่บ้านโคกสะอาด และได้จำพรรษาที่วัดโคกสะอาด ที่มี “หลวงตา” (เทพ โพธิ์งาม)  ผู้ถนัดการแหล่เป็นสมภาร และมีพระลูกวัดอย่าง “หลวงพี่ศรี” (ชูศรี เชิญยิ้ม) “หลวงพี่พวง” (พวง เชิญยิ้ม) และ “หลวงพี่โยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม) ร่างยักษ์ นอกจากจะมีวัดพุทธแล้ว ในหมู่บ้านแห่งนี้ยังมีชุมชนศาสนาคริสต์และชุมชนมุสลิมที่อยู่ร่วมกันอย่างสงบ

แต่ปัญหาสำคัญคือธุรกิจโรงโม่หินที่ทำให้เกิดมลพิษ อีกทั้งในการระเบิดหินแต่ละครั้งทำให้เกิดก้อนหินกระเด็นออกมาทำลายชีวิตและทรัพย์สินชาวบ้าน ซึ่งพอไปถึงก็ปรากฎว่าทั้งวัดเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากการระเบิดภูเขา  โดยได้รับการบอกเล่าจาก “หลวงพี่ศรี” ว่าเมื่อก่อนวัดเจริญมาก ผู้คนเข้ามาทำบุญกันมากมาย เพราะการแหล่ของ “หลวงตา” แต่ปัจจุบัน “หลวงตา” ป่วยและไม่สามารถออกมาแหล่ได้เหมือนเคย ประกอบกับมีนายทุนมาซื้อที่ดิน และทำโรงโม่หิน ใกล้กับบริเวณวัดทำให้เกิดฝุ่นละอองอย่างมากมาย ชาวบ้านก็เกิดเป็นโรคภูมิแพ้ และไม่ได้มาออกมาทำบุญกัน งานนี้ “หลวงพี่โจอี้” จึงหาวิธีทางต่างๆ เพื่อให้ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข แต่สิ่งที่ “หลวงพี่โจอี้” ทำดันขัดกับผลประโยชน์ของนายทุน จึงคิดกำจัด “หลวงพี่โจอี้” ต้องต่อสู้กับตัวเอง และคนรอบข้าง โดยใช้หลักธรรมในการเอาชนะกับสิ่งต่างๆ

“หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮา เขย่าโลก”

อีกหนึ่งภาคต่อ ที่โดยได้ น้อย วงพรู มารับบท “พระน้อย” กับเรื่องราวของ “น้อย” (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และความจริงที่ได้รับ โดยเขาเสือกเส้นทางเพื่อหวังจะพบกับความสงบ นั่นคือการเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ แต่ “พระน้อย” ยังคงมีความเป็นตัวเอง เป็นพระขวางโลก รักความยุติธรรม แต่ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อความแตกแยก ซึ่งเส้นทางในชีวิตนี้ก็ไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่บวช ยังมี “พระประเสริฐ” (อุ๋ย บูดาเบลส), “พระโยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม), “ตาส่ง” (โน้ต เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัด และเด็กวัดตัวแสบ อีก 2 คน (เอ็ม บูดาเบลส และ แจ็ค แฟนฉัน) ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดเสมอ และยังต้องพบกับเหตุการณ์ป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย!

“หลวงพี่แจ๊ส 4G”  

ผลงานผู้กำกับ  พชร์ อานนท์ ที่ได้ แจ๊ส ชวนชื่น มารับบท “หลวงพี่แจ๊ส”  ซึ่งเป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง  บอกเล่าเรื่องราวของหนุ่มรวยเสน่ห์ “แจ๊ส” (แจ๊ส ชวนชื่น)  เกิดปัญหาหนักใจ เมื่อ “ใบเฟิร์น” (แพท – ณปภา ตันตระกูล) แฟนสาว ต้องมาเจอ 2 สาวจอมป่วน เข้ามาวุ่นวายความรักและบอกว่าท้อง! ทำเอา “แจ๊ส” ไปไม่ถูก จนต้องปรึกษา 2 เพื่อนรัก “มโน” (นิก คุณาธิป) และ “สายสิญจน์” (โต๊ส – อัครัช)  ที่แนะนำให้หนีไปบวช  

เมื่อต้องกลายเป็น “พระแจ๊ส” อยู่ที่วัดบนยอดเขาสูง แต่เรื่องราววุ่นวายก็ยังตามมาไม่หยุด ซึ่ง “พระเเจ๊ส” อยากเรียนรู้พระธรรมจริงจัง ประจวบกับที่หลวงพ่อเสนอให้ไปเรียนพระธรรมกับวัดที่กรุงเทพฯ “พระแจ๊ส” และสมุนคู่ใจ 2 คนที่มาเป็นลูกศิษย์วัด จึงเข้าเมืองหลวง และได้เจอพระเมืองกรุงที่เปิดกุฏิมอมเมาประชาชน ความถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุด “พระแจ๊ส” และสมุนสุดแสบ จึงร่วมมือกันเปิดโปงมารศาสนา ซึ่งเรื่องนี้มาพร้อมความฮาวายป่วง และแง่คิดดี ๆ  พร้อมหยิบยกประเด็นทางศาสนาและแก่นแท้ของ “ศรัทธา” มาถ่ายทอด

“หลวงพี่แจ๊ส 5G”

นอกจากนี้ยังมีภาค 2  กับ “หลวงพี่แจ๊ส 5G”  กับเรื่องราวหลัง “หลวงพี่แจ๊ส” (แจ๊ส ชวนชื่น) เจอเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวง จึงตัดสินใจบวชต่อไปโดยไม่มีกำหนดสึก “หลวงพี่แจ๊ส” ตั้งใจว่าอยากเผยแผ่หลักธรรมคำสอนให้แก่พุทธศาสนิกชนได้เข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง แต่ยังไม่ได้มีความรู้มากมายนัก จึงออกธุดงค์ กระทั่งวันหนึ่งระหว่างธุดงค์อยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี  “หลวงพ่อจงรวย” (หยองลูกหยี) ที่ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดในจังหวัด ได้ไหว้วาน “หลวงพี่แจ๊ส” ให้พาเณรไปหา “หลวงพ่อไชยา” (จาตุรงค์ มกจ๊ก) ที่กรุงเทพฯ จึงทำให้ “หลวงพี่แจ๊ส” และลูกศิษย์คนสนิททั้ง 2 ได้เข้ามากรุงเทพฯ อีกครั้ง และเมื่อมาถึงวัดของ “หลวงพ่อไชยา” ก็ได้นำเณรมาฝากให้กับหลวงพ่อเป็นที่เรียบร้อย  กลับได้เห็นความไม่ชอบมาพากลของ “หลวงพ่อ” และพระลูกวัดที่ใช้อำนาจหน้าที่ในการบริหารวัดในทางที่ไม่ถูกไม่ควร ทำให้ “หลวงพี่แจ๊ส” ออกสืบค้นความจริง และพบกับความวุ่นวายมากมาย  โดยที่ยังคงมาพร้อมกับความฮาและมุกเสียดสีสังคมเช่นเคย

“มากับพระ (The Golden Riders)”  

ผลงานผู้กำกับ อุดม อุดมโรจน์ ที่ได้ อ่ำ – อัมรินทร์ นิติพน รับบท “หลวงพี่สิทธิ์” กับเรื่องราวที่ไม่ได้เล่าถึงพุทธศาสนาเป็นศาสนามหัศจรรย์ มีอิทธฤทธิ์ แต่พูดถึงความงามของโลกความสงบ และการหลุดพ้นจากทุกข์ ว่าด้วยบนขบวนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่ตอนเหนือของประเทศไทย “เณรเล็ก” ( อ๊อฟ แฟนฉัน) เณรบวชใหม่ลูกเศรษฐี ที่พ่อขอร้องให้บวชเณร เนื่องจากความเชื่อเรื่องดวงชะตา จึงส่งไปอยู่ ณ วัดบนดอยสูง ในการเดินทางครั้งนี้ “เณรเล็ก” ได้พบกับ “พล” ( โน้ต – วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ชายหนุ่มตกอับที่หนีปัญหา เดินทางโดยไร้จุดหมาย และ “แตงโม” (ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก) สาวสวยที่ไม่เข้าใจรัก และเลิกกับแฟนหนุ่มเดินทางกลับบ้านเกิด เรื่องวุ่น ๆ จึงเริ่มต้น เมื่อทั้ง 3 คนได้รู้จักกัน และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ จ.เชียงราย “เณรเล็ก” มุ่งตรงสู่ “วัดทองพันชั่ง”  และได้พบกับ “หลวงพี่สิทธิ์” ( อ่ำ) เจ้าอาวาสอารมณ์ร้อน , “เณรโก๊ะ” ( โก๊ะตี๋ อารามบอย)  และ “พระหลับ” ( กล้วย เชิญยิ้ม) และ “หลวงปู่” ( นพดล ดวงพร) และเรื่องวุ่นวายแบบธรรมหรรษาก็เกิดขึ้น นับแต่ก้าวแรกที่ “เณรเล็ก” ย่างเข้ามา!

“นะโม OK”

ผลงานผู้กำกับ ผู้กำกับ ฐิติพงศ์ ใช้สติ  ที่ได้ อดัม ซีม่า มารับบท “พระสตีฟ”พระฝรั่งความจำเสื่อม ด้วยความซื่อ  จริงใจ และไม่ค่อยเข้าใจในกิจของสงฆ์ ทำให้หลายครั้งสิ่งที่เขาทำก็สร้างรอยยิ้มให้กับชาวบ้าน  , ศรีไพร -เก่งกาจ จงใจพระ  รับบท “หลวงพ่อธีร์” เจ้าอาวาส ที่น่านับถือ อารมณ์ดี เป็นพระนักคิด นักพัฒนา สามารถมองทุกอย่างรอบตัวในชีวิตประจำวันให้เห็นเป็นธรรมะได้ ร่วมด้วย โกไข่ – จุมพล ทองตัน รับบท “พระวินัย”  พระนักปฏิบัติที่ยึด ระเบียบวินัยสงฆ์เหนือสิ่งอื่นใด และ เชน – อัฒรุต คงราศรี รับบท “พระน้อย” พระหนุ่มช่างคิด ที่พยายามค้นหาความจริงในการปฏิบัติ

กับเรื่องราวเมื่อวัดเล็ก ๆ นอกเมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่ในอำเภออันเงียบสงบได้คึกคัก เพราะ “พระสตีฟ” (อดัม) พระฝรั่งความจำเสื่อม ต้องมาอาศัยจำวัดเพื่อรักษาความทรงจำ ชาวบ้านพากันตื่นเต้นที่มีพระฝรั่งมาอยู่ที่วัด  และคาดเดาเรื่องราวที่หายไปจากความทรงจำของ “พระสตีฟ” ต่าง ๆ นาๆ ทั้ง “เสี่ยถัง” (ค่อม ชวนชื่น) ที่หวาดกลัวมือปืนที่จะตามฆ่า และคิดว่า “พระสตีฟ” เป็นมือปืน ส่วนสองเณรจอมแสบ อย่าง “เณรโต๋” (บอส  – วรวุฒิ  แรงจริง)กับ “เณรแจ๊ค” (ไบรอัน  การ์ตั้น) ก็มอง “พระสตีฟ” เป็นจุดขายในการหาเงิน  ส่วน “พระสตีฟ” อาจเป็นอะไรได้หลายอย่างแล้วแต่คนคิด แต่ในความคิดของเขา ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเคยเป็นอะไรนั้นไม่สำคัญ แต่วันนี้เขารู้แต่เพียงว่าตัวเองเป็นพระ และชีวิตที่เหลือจะมุ่งหน้าศึกษาธรรมเท่านั้นก็พอ โดยถ่ายทอดความตลกเฮฮา ผสานข้อคิดดี ๆ ที่สอดแทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ จึงเกิดคำถาม “ปุจฉาและวิสัชณา” ที่ชวนขบขันและขบคิด โดยมี “พระสตีฟ” และ “หลวงพ่อธีร์” เป็นตัวเดินเรื่องหลัก

 “หลวงตามหาเฮง”

 “หลวงตามหาเฮง” ผลงานผู้กำกับ พชร์ อานนท์ ที่ได้ น้าค่อม ชวนชื่น รับบท “หลวงตา” มาพร้อมความตลกที่สอดแทรกธรรมะ ว่าด้วยเรื่องราว ณ หมู่บ้านโคกอีรวย ที่ชาวบ้านนิยมเล่นหวย  โดยมี 2 คุณนายเพื่อนซี้ (สุนารี ราชสีมา และ ฮาย – อาภาพร นครสวรรค์) เป็นเจ้ามือรับแทงหวยใต้ดินรายใหญ่  ซึ่งเมื่อชาวบ้านไปบุญ และฟังเทศน์ที่วัด  ก็มักตีคำสอนของ “หลวงตา” (น้าค่อม ชวนชื่น)  เป็นเลขเด็ด

ซึ่งชาวบ้านนั้นถูกหวยกันถ้วนหน้าติดต่อกันหลายครั้ง จนเจ้ามือหวยทนไม่ได้ต้องจ้างนักเลงหัวไม้ไปลักพาตัว “หลวงตา”  นำไปซ่อน รวมถึงใส่ร้าย “หลวงตา” ให้อยู่หมู่บ้านโคกอีรวยต่อไปไม่ได้ ร้อนถึงเหล่าลูกศิษย์วัดที่ต้องร่วมมือกับลูกชายของทั้ง 2 คุณนาย ซึ่งเป็นคนดี มาช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของ “หลวงตา” กลับมา  งานนี้นอกจากเสียงหัวเราะแล้ว ยังสะท้อนชีวิตผู้คน พร้อมให้ข้อคิดต่าง ๆ  เช่น หลักธรรมสุดเบสิค อย่าง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว!

“เท่งโหน่งจีวรบิน”

“เท่งโหน่งจีวรบิน” หนังคอเมดี้สุดฮา สอดแทรกหลักธรรมะ ฝีมือการกำกับของ เท่ง เถิดเทิง และ สมิทธิ์ ทิมสวัสดิ์ โดย เท่ง เถิดเทิง กลับมารับบท “พระเท่ง” ร่วมด้วย โหน่ง ชะชะช่า และ เต๋า – สมชาย เข็มกลัด กับเรื่องเมื่อ “พระเท่ง” ที่หนีความวุ่นวายไปจำศีลภาวนาอยู่ต่างประเทศหลายปี  วางแผนกลับมาจำวัดที่เมืองไทย แต่แล้วตั๋วเครื่องบินโดยสารกลับเต็มเสียก่อน  ขณะที่ “เสี่ยโหน่ง” พ่อค้าอัญมณีเศรษฐีผู้มั่งคั่งและมากล้นด้วยอิทธิพล บังเอิญมาติดต่อธุรกิจที่นี่พอดี  ซึ่งเขามีกุศลจิต จึงตัดสินใจนิมนต์ “พระเท่ง” ให้โดยสารเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำเดินทางกลับมาพร้อมกัน

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นอันนำไปสู่การเดินทางผจญภัยฝ่าสารพัดวิบากกรรม  ที่มีทั้งพระ , เสี่ย, เครื่องบินลำโต, กัปตันหน้าหล่อ, เลขาสาวสุดเซ็กซี่, แอร์สาวระดับนางฟ้า, นักการเมืองขี้หลี, ทนายสุดเพี้ยน และโจรป่า มาพัวพันกันอย่างอีรุงตุงนัง กลายเป็นหนังฮา เรียกเสียงหัวเราะ ที่มีธรรมเป็นตัวขับเคลื่อน  พร้อมขัดเกลาจิตใจด้วยศรัทธาแห่งความดี

“โกยเถอะโยม” 

“โกยเถอะโยม”  ที่ได้ จตุรงค์ ม๊กจ๊ก มารับบทเป็น “หลวงพ่อ” พร้อมพ่วงตำแหน่งผู้กำกับของเรื่องนี้ด้วย โดยเล่าเรื่องราว ณ หมู่บ้านเล็ก ๆ  “ผีเด็กเร่ร่อน” (น้องพี มกจ๊ก) ที่ออกตามหาพ่อ ซึ่งไม่เคยพบหน้ามาก่อน แต่ด้วยความเหงา “ผีเด็ก” จึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน  และสร้างความอลหม่าน ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว จึงแห่ไปพึ่ง “หลวงพ่อ” เจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้าน ผู้เป็นความหวังหมู่บ้าน มาช่วยปราบผี ซึ่งท่ามกลางเสียงหัวเราะ เรื่องนี้ได้พยายามสะท้อนถึงเรื่องราวของการทำแท้ง!

“ส่มภัคเสี่ยน”

หนังอีสานอารมณ์ดี ผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของ เอ็ม – บุษราคัม วงษ์คำเหลา ที่ได้คุณพ่อ อย่าง หม่ำ จ๊กมก มารับบท “พระมหาชัย” กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชุมชนเล็ก ๆ ริมฝั่งโขง ใน จ.นครพนม เมื่อ “เสี้ยน” (โตโน่ – ภาคิน คำวิลัยศักดิ์) หนุ่มอีสานรักบ้านเกิด เฝ้ารอคอย “ส้ม” (เอ็ม – บุษราคัม ) แฟนสาวกลับมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาใช้ชีวิตร่วมกัน ขณะที่ “ภัค” (ไข่มุก – รุ่งรัตน์ เหม็งพานิช) สาวน้อยเจ้าของร้านทอง ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัย ก็แอบหลงรัก “เสี้ยน” มาตั้งแต่ปี 1   และคอยมาช่วย “เสี้ยน” และแม่ของเสี้ยน ทำส้มผักเสี้ยนดองขาย ซึ่งเป็นกิจการเล็กๆ ของครอบครัว  กระทั่งวันนึง “ส้ม” กลับมาพร้อมกับ “จักรพันธ์” (กอล์ฟ – กรวัฒน์ สุวรัตนานนท์) แฟนใหม่พร้อมประกาศแต่งงานทันที “เสี้ยน” ใจสลาย ต้องการคำตอบจาก “ส้ม” เลยให้ “บรรจง” (คริสโตเฟอร์  โจนาธาน  รอย  เชฟ) เพื่อนซี้ขี้เมาช่วย แต่ก็ดันไปมีเรื่องมีราวกับชาวบ้านและ “สายใจ” (วาวภคภรณ์  เลิศช่ำชองกุล) แฟนสาวของตัวเอง ร้อนถึง “พระมหาชัย” ต้องมาคอยสอนและแก้ปัญหาให้  โดยใช้ธรรมะเป็นสื่อกลาง รวมทั้งยังสอดแทรกแง่คิด การรักถิ่นบ้านบ้านเกิด  และการมองหาความสุขใกล้ ๆ ตัวด้วย

เรียกว่า พส. แต่ละเรื่องนอกจากตลกแล้ว ยังให้แง่คิดและสอดแทรกหลักธรรม มากบ้าง น้อยบ้างตามแต่ละเรื่อง แต่ที่สำคัญคือเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ยิ่งเราทำให้หลักคำสอนที่ดูสูงส่งนั้นเข้าถึงได้ง่ายมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้คนยิ่งสนใจและเข้าใจในสิ่งที่ทุกศาสนาต้องการจะสอนมากขึ้นเท่านั้น!