เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ภายหลังการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดยผลการลงมติ สมาชิกรัฐสภา เห็นชอบ 324 ราย ไม่เห็นชอบ 182 ราย และ งดออกเสียง 199 ราย

ล่าสุด คณะกรรมาธิการการเมือง และ ส่งเสริมประชาธิปไตย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอประณามการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ของสมาชิกรัฐสภาที่ขัดต่อเจตจำนงของประชาชน โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า

ด้วยในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ได้มีมติเห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง ซึ่งคะแนนเสียงไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ในการลงมติให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นั้น

คณะกรรมาธิการการเมืองและส่งเสริมประชาธิปไตย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ขอประณามสมาชิกรัฐสภาผู้ซึ่งใช้สิทธิไม่เห็นชอบ และใช้สิทธิงดออกเสียงในการเลือกบุคคล ผู้ที่ประชาชนได้แสดงเจตจำนงผ่านการเลือกตั้งและถือเป็นฉันทามติอย่างชัดแจ้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

การกระทำดังกล่าวของพวกท่าน ถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และน่าอดสูอย่างยิ่ง ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงประวัติศาสตร์ทางการเมืองของชาติอย่างที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาก่อนในอดีตกาล นับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พวกท่านมิได้คำนึงถึงหน้าที่ของการเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยและการทำหน้าที่ของตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชน โดยรวมตามที่พวกท่านกล่าวอ้างว่าเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

คณะกรรมาธิการการเมืองและส่งเสริมประชาธิปไตย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ยังขอยืนยันอย่างหนักแน่นและขอเรียกร้องให้พวกท่าน “เห็นหัวประชาชน” เลิกคิดว่าประชาชน “ถูกยุยงปลุกปั่น” โดยฝ่ายการเมือง และจงใช้สิทธิของท่านออกเสียงลงมติเลือกผู้ซึ่งพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเสนอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีข้อแม้ เพราะความคิดของประชาชนได้พัฒนาก้าวล้ำไปแล้วตามกระแสโลกาภิวัตน์ หากแต่พวกท่านยังคงดักดาน และจมปรักอยู่กับความคิดในอดีตและยังบังอาจผูกมัดสิ่งเหล่านั้นกับคนยุคปัจจุบัน ทั้งที่โลกของเราในปัจจุบันได้รุกหน้าพัฒนาไปไกลยิ่งกว่าความคิดและทัศนคติของท่านมานานแล้ว

“เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ แต่ สว. สมัยชาติพัฒนา จะเป็นคนพาชาติไทยฉิบหาย”

คณะกรรมาธิการการเมืองและส่งเสริมประชาธิปไตย

สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

13 กรกฎาคม 2566