นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค.ได้ทำการศึกษาการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยพบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีการขยายตัวมากขึ้น และส่งผลให้ธุรกิจบริการโลจิสติกส์มีการขยายตัวตามไปด้วย โดยเฉพาะการขนส่งสินค้า ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม รวมถึงการรับส่งเอกสารและสิ่งของตามการเติบโตของการค้าออนไลน์
ทั้งนี้ แม้ธุรกิจบริการโลจิสติกส์จะขยายตัวได้ดีขึ้น แต่ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นทั้งในด้านราคา เทคโนโลยี และการให้บริการ หากผู้ให้บริการต้องการจะอยู่รอด และทำให้ธุรกิจเติบโตได้ต่อเนื่อง จะต้องเร่งปรับตัวโดยเฉพาะธุรกิจรับส่งเอกสารและสิ่งของจะต้องปรับโมเดลธุรกิจ และให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเครือข่ายเพิ่มขึ้น มีมาตรการด้านสุขอนามัยในระหว่างการขนส่ง เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นมีระบบรับรองตนเองของบริษัทผู้ขนส่ง และต้องมีความยืดหยุ่นกรณีเกิดการจำกัดและปรับเปลี่ยนตารางเวลาการเดินรถ เพราะอาจจะมีความเข้มงวดเวลาผ่านจุดผ่านแดน หรือการปิดด่านบางด่านชั่วคราว
สำหรับโอกาสในการลงทุนของผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ สนค. เห็นว่า ควรหาโอกาสจากช่องว่างทางธุรกิจโลจิสติกส์ โดยการปรับตัวให้สอดคล้องกับการให้บริการสังคมสูงอายุ ที่มีแนวโน้มการขยายตัวมากขึ้น และปัญหาสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจ เช่น ฝุ่นพีเอ็ม2.5 และแนวคิดเพื่อความยั่งยืนทำให้เกิดแนวโน้มการขนส่งแบบลดมลพิษ การบริหารจัดการการขนส่งที่สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และรัฐอาจจำเป็นต้องออกข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในด้านการขนส่ง
นอกจากนี้ ควรใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ อาทิ เทคโนโลยีที่ใช้โรบอทเข้ามาควบคุมการทำงานวางแผนกำลัง การจัดการคลังสินค้า เทคโนโลยี 5จี ขณะเดียวกัน ต้องสร้างมาตรฐานความสะอาด ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าและสุขอนามัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลด้วย และการเชื่อมต่อผู้บริโภค เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในกลุ่มต่างๆ ค้นหา