“เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” นักชกสาวแกร่งวัย 21 ปี จากชลบุรี อยู่ในกระแสฟีเวอร์ของแฟนมวยทันที หลังกลายเป็นนักชกหญิงคนแรกจากเวที ONE ลุมพินี ที่ได้รับการการันตีฝีมือจากบิ๊กบอส “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ว่าคือของจริง ได้เซ็นสัญญามูลค่า 3.5 ล้านบาท ไปลุยศึกใหญ่ วัน แชมเปียนชิพ แล้วเรียบร้อย
เจ้าของฉายา “เดอะ ควีน” ใช้เวลาเพียงแค่สองไฟต์เท่านั้นในการพิสูจน์ว่ามีดีแค่ไหน เริ่มจากเปิดตัวชนะทีเคโอยกสอง “ฟานี เปยอมวี” ในศึก ONE ลุมพินี 9 ขณะที่ล่าสุดปิดเกมเร็วยกแรก “อิเนส พิลูตติ” ได้อีกในศึก ONE ลุมพินี 16 นำมาซึ่งข่าวดีครั้งสำคัญในชีวิตที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ยอมรับว่าตั้งตัวแทบไม่ทัน
โดยแฟนมวยชาวไทยจะได้ตามเชียร์ “เพชรจีจ้า” ในการปรากฏตัวครั้งแรกบนเวที ONE อย่างเป็นทางการ วัดฝีมือกับ “ลารา เฟอร์นานเดซ” คู่ปรับจากสเปน ในกติกามวยไทย รุ่นอะตอมเวต (105-115 ป.) ในศึก ONE Fight Night 12 ที่จะถ่ายทอดสดช่วงไพรม์อเมริกาซึ่งตรงกับช่วงเช้าเวลา 07.00 น. ของวันเสาร์ที่ 15 ก.ค. 66 ก่อนที่เธอจะได้เฉิดฉายบนเวทีระดับโลก เราขออาสาพาไปรู้จักชีวิตของเธอให้มากขึ้น
#เก่งแต่เด็กหาคู่แข่งชกด้วยยาก
“เพชรจีจ้า ลูกเจ้าพ่อโรงต้ม” หรือ “น้องนิล” นิลดา มีคุณ เกิดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2544 ที่จังหวัดชลบุรี เริ่มชกมวยตอนอายุ 6 ขวบ โดยมีคุณพ่อซึ่งเป็นเจ้าของค่ายมวยอ.มีคุณ เป็นครูคนแรกที่ฝึกสอนวิชาให้ จากนั้นชื่อของเธอกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะเด็กผู้หญิงที่เอาชนะเด็กผู้ชายได้ เมื่ออายุ 10 ขวบ เธอขึ้นชกมากกว่า 100 ไฟต์ โดยมากกว่า 70 ไฟต์ เป็นการเจอกับเพศตรงข้าม
ส่วนชื่อในวงการ จากเดิมเคยใช้อยู่หลายชื่อ จาก “เพชรสีนิล” ในช่วงวัยเด็ก จนเปลี่ยนมาเป็น “เพชรชีต้า” แต่บรรดาเซียนมวยต่างขานนามว่า “เพชรจีจ้า” ตามชื่อนักแสดงหญิงคิวบู๊คนดังในสมัยนั้น ส่วนตัวเธอก็ชอบชื่อนี้อยู่เหมือนกันจึงใช้ชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน
ในปี 2556 ขณะที่ “เพชรจีจ้า” อายุได้ 12 ปี ได้เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญขึ้น เมื่อการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มองว่าการชกแบบข้ามเพศถือว่าไม่เหมาะสมและผิดกฏหมาย ยิ่งทำให้เธอหาคู่ชกยากขึ้นไปอีก ก่อนได้รับโอกาสจาก “สมชาย พูลสวัสดิ์” อุปนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ณ ขณะนั้น ได้ชักชวนให้ไปฝึกฝนมวยสากลสมัครเล่นซึ่งเหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่อีกใบ
#มวยสากลสมัครเล่นดีกรีทีมชาติ
ในตอนแรก “เพชรจีจ้า” ตอบรับโอกาสมาชกมวยสากลสมัครเล่นเพราะคิดว่าอยากลองดูเท่านั้น อีกทั้งพอได้ขึ้นไปบนเวทีจริงก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เพราะทักษะพื้นฐานด้านนี้ยังมีไม่ค่อยมาก ทำให้ต้องขยันเรียนรู้จากรุ่นพี่ให้ไว ต้องมีทั้งสเต็ปและความเร็วที่มากขึ้น สุดท้ายด้วยทั้งพรสวรรค์และพรแสวงทำให้เธอใช้เวลาปรับตัวไม่นานนัก เดินหน้ากวาดรางวัลเกียรติยศให้กับประเทศชาติมาไม่น้อย
เริ่มจากในปี 2561 คว้าเหรียญเงินมาครองได้ทั้งในรายการชิงแชมป์เยาวชนเอเชียและชิงแชมป์เยาวชนโลก ในรุ่น 48 กก. จากนั้นในปีถัดมายังมีตระเวนไปแข่งทั้งที่สวีเดนและบัลแกเรีย ได้เหรียญทองในรุ่น 48 กก. มาครองสามรายการติดต่อกัน แต่สุดท้ายทนคิดถึงมวยไทยไม่ไหวเพราะรู้สึกถนัดและยังทำให้ตัวเองมีชื่อเสียงมากกว่า แต่ก็ยอมรับว่าการได้ก้าวขึ้นมาติดทีมชาติคือประสบการณ์สุดล้ำค่า
#มวยไทยที่คิดถึง
“เพชรจีจ้า” ผูกพันกับกีฬามวยไทยอย่างเหนียวแน่น ย้อนไปในวัยเด็กก็เป็นคุณพ่อของเธอที่ซื้อแผ่นซีดีไฮไลต์มวยไทยมาให้ดูเป็นประจำ โดยมี “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” อดีตนักมวยไทยชื่อดัง เป็นต้นแบบที่ชื่นชอบ เรียกได้ว่าชีวิตของเธอตัดไม่ขาดจากศาสตร์มวยไทย
จนกระทั่งช่วงปลายปี 2563 “เพชรจีจ้า” ได้หวนกลับมาชกมวยไทยในรอบ 4 ปีในรายการไทยไฟต์ โชว์ผลงานดุดันชนะไปทั้งสิ้น 7 ไฟต์ติดต่อกัน ทำให้ได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศถ้วยพระราชทานในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รุ่น 51 กก. ก่อนที่ในปี 2564 จะส่งท้ายการเล่นให้ทีมชาติมวยสากลสมัครเล่นลงแข่งในกีฬาซีเกมส์ที่เวียดนามเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้าย โดยได้เหรียญทองแดงกลับมา ฝากความทรงจำในการรับใช้ชาติได้แบบน่าประทับใจ
#ONE ลุมพินี เวทีในฝัน
“เพชรจีจ้า” ทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องอยากชกมวยไทยมาตลอดและตอนนี้ก็ได้เลือกในสิ่งที่อยากเลือกแล้ว และการได้มาโชว์ผลงานใน ONE ลุมพินี คือหนึ่งในความฝันที่เจ้าตัวรอมานาน
“ปกติเวลาขึ้นชกหนูตื่นเต้นเป็นประจำ ยิ่งได้มาชกในศึก ONE ลุมพินี ยิ่งตื่นเต้นเพราะเป็นเวทีใหญ่ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ชกในรายการนี้ แต่ตอนนี้ทางรายการสนับสนุนผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น ในใจนึกตลอดว่าอยากทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด อยากให้แฟนมวยชื่นชมและประทับใจ”
“ได้ชกไปสองไฟต์ หนูชอบผลงานในไฟต์ที่สองมากกว่า เพราะรู้สึกเริ่มเข้าที่และคล่องตัวมากขึ้น เพราะไฟต์แรกห่างจากเวทีมวยไทยไปนานด้วย เลยมีความกังวลอยู่เยอะยังออกอาวุธไม่ค่อยดี พอมาไฟต์สองมีการฝึกซ้อมมากขึ้นกว่าไฟต์แรก คิดแล้วทำออกมาได้มากกว่าไฟต์แรก”
#เป้าหมายคือแชมป์โลก ONE
“เพชรจีจ้า” พร้อมพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อคู่ควรกับการได้สิทธิไปลุย วัน แชมเปียนชิพ ขอแสดงให้ทุกคนเห็นว่านักมวยหญิงจากไทยมีดีไม่แพ้ใคร พร้อมวางเป้าใหญ่หยิบเข็มขัดแชมป์โลก ONE มาครองให้ได้
“ตอนทราบเรื่องนี้บนเวทีมันอึ้งไปหมด หนูไม่รู้มาก่อนว่าจะได้เซ็นสัญญาเข้า วัน แชมเปียนชิพ รู้สึกดีใจที่ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรายการระดับโลก เปิดโอกาสให้ได้เข้าไปโชว์ศิลปะแม่ไม้มวยไทย พร้อมแสดงให้เห็นว่านักชกจากไทยสู้ได้ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก หนูอยากครองแชมป์มวยไทย ในรุ่น 115 ป. อยากเป็นอันดับหนึ่งในรุ่นนี้ให้ได้ค่ะ”
เตรียมตัวส่งใจเชียร์ “เพชรจีจ้า” ประเดิมล่าตามความฝันให้สำเร็จในการเจอกับ “ลารา” โดยทั้งสองต่างหวังพิสูจน์ฝีมือของตัวเองเต็มที่ เพื่อไต่ขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของแรงกิง ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต และคว้าโอกาสชิงบัลลังก์ซึ่งมี “อัลลิเซีย เฮลเลน รอดริเกส” นั่งครองอยู่ให้ได้
แฟน ๆ สามารถจองบัตรเข้าชมในสนามศึก ONE Fight Night 12 ผ่านทาง THAI TICKET MAJOR และติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของศึกนี้ได้ที่นี่และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand เว็บไซต์ www.onefc.com และอินสตาแกรม ONEChampTh