เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นางหนูนา คะนึงนึก อายุ 77 ปี ที่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 1 บ้านนาดอกไม้ ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น หลังจากโลกโซเชียลมีการโพสต์ภาพยายตาบอดนอนอยู่หลังบ้านเพียงลำพัง ไร้ลูกหลานดูแล โดยพบยายหนูนา ซึ่งพิการตาบอด กำลังเดินไปตักน้ำในหนองน้ำหลังบ้านด้วยความยากลำบาก ต้องใช้ถังแกว่งหาเส้นทางที่ไม่มีอะไรขวาง จะใช้การจดจำในเส้นทางว่าสิ่งกีดขวางต่างๆ นั้นอยู่ตรงไหน
ยายหนูนา เล่าว่า เคยมีสามี และมีลูกสาว 1 คน แต่สามีทิ้งไปมีเมียใหม่ที่ จ.เพชรบูรณ์ และเสียชีวิตไปแล้ว ส่วนลูกสาวติดยาบ้า และเกิดอาการป่วยแล้วเสียชีวิตเมื่อปี 62 โดยลูกสาวมีบุตร 2 คน คนโตเป็นผู้ชายอายุ 21 ปี ส่วนคนที่ 2 เป็นผู้หญิงเรียนอยู่ชั้น ม.4 เมื่อปี 62 ได้ก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวไว้แล้วไปเก็บฟืน ทำให้ไฟไหม้บ้านทั้งหลัง จากนั้นเทศบาลตำบลหนองบัวก็มาสร้างบ้านหลังปัจจุบันให้อยู่อาศัย ส่วนหลานๆ ปู่ย่ามารับกลับไปเลี้ยงดู ส่วนลูกเขยก็กลับไปอยู่กับพ่อแม่
“ยายป่วยเป็นโรคหอบหืด และโรคเบาหวาน ได้ 7 ปีแล้ว ไปรักษาตัวและรับยาจาก รพ.บ้านฝาง มากินตลอด ขณะนี้หมอนัด 3 เดือนครั้ง แต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ๆ ตาข้างขวาก็มืดมิดมองไม่เห็น ไปหาหมอ หมอแจ้งว่า เกิดจากภาวะความเครียด รักษาไม่หาย ต่อมาข้างซ้ายก็บอดไปด้วย มองไม่เห็นอะไรเลย จึงอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว ส่วนหลานชายรับจ้างทำงานกลางคืน แวะเอาอาหารเอาข้าวและเงินมาให้บ้าง ส่วนหลานสาวไม่ได้มาเพราะต้องเรียนหนังสือ” ยายหนูนา กล่าว
ยายหนูนา กล่าวทั้งน้ำตาอีกว่า สิ่งของที่มาชาวบ้านเอามาให้ทั้งอาหาร ข้าวและน้ำดื่ม วางไว้ในบ้าน ก็มีขโมยเข้ามาเอาไปจนหมด ส่วนที่นาที่มีทั้งหมด 8 ไร่อยู่หลังบ้าน ได้ทำพินัยกรรมมอบให้หลานทั้ง 2 คนแล้ว และในแต่ละปีเพื่อนบ้านมาเช่าทำนา และเอาข้าวมาแบ่งให้กิน จึงมีข้าวกิน ในแต่ละวันจะออกไปหาเก็บเศษไม้ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อเอามาทำฟืนเอาไว้ก่อไฟนึ่งข้าวเหนียวกิน
“เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาออกไปหาฟืน แล้วหาทางกลับบ้านไม่ได้ อยู่ในป่าจนถึงเช้า กระทั่งมีเสียงสุนัขชื่อเจ้าดำเห่า จึงตัดสินใจคลานมาตามเสียงสุนัข จนกลับถึงบ้าน ส่วนอาหารนั้นจะมีพ่อค้ารถพุ่มพวงที่ตระเวนขายในหมู่บ้านแวะเอาอาหารมาให้ทุกเช้า จึงพอมีอาหารกินไปวันๆ ตอนนี้สิ่งที่กังวลใจและกลัวคือ กลัวคนที่คิดว่าตนมีสมบัติ มาชิงทรัพย์ มาทำร้าย เพราะที่ผ่านมามีคนร้ายเข้ามาลักเอาข้าวในบ้าน ลักเอาฟืนและน้ำดื่มไป จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยเหลือด้านต่างๆ มากกว่านี้” ยายหนูนา กล่าว