สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานทุกแห่งที่เกี่ยวข้อง กับการตรวจสอบชั้นความลับของเอกสารทั้งหมดที่สำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ทำการสืบสวนสอบสวนเหตุวินาศกรรม 9/11 ต้องเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดซึ่งเข้าเกณฑ์เปิดเผยได้แล้ว "ตลอดระยะเวลา 6 เดือนนับจากนี้"
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของไบเดนเกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนสหรัฐเตรียมรำลึกครบรอบ 20 ปี เหตุก่อการร้ายครั้งรุนแรงที่สุดบนแผ่นดินอเมริกา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต "ที่เป็นทางการ" อย่างน้อย 2,977 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 25,000 คน อาคารแฝด "เวิลด์ เทรด เซ็นเตอร์" ในนครนิวยอร์ก พังราบเป็นหน้ากลอง และพื้นที่ส่วนหนึ่งของอาคารเพนตาอน สถานที่ตั้งของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ในเขตชานกรุงวอชิงตัน ได้รับความเสียหาย
เหตุวินาศกรรมครั้งนั้นส่งผลให้ผู้นำสหรัฐในช่วงเวลาดังกล่าว คือประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ส่งทหารบุกเข้าอัฟกานิสถาน เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลตาลีบัน ที่รัฐบาลวอชิงตันกล่าวหาว่า สนับสนุนกลุ่มอัล-กออิดะห์ และตามล่าเพื่อสังหารนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งกลุ่มอัล-กออิดะห์
อย่างไรก็ตาม คำสั่งของไบเดนเกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งยืดเยื้อ ระหว่างครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง กับรัฐบาลวอชิงตันหลายสมัย โดยฝ่ายผู้สูญเสียมองว่า ฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐยังคงปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลหลายอย่าง และมีการรวมตัวฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลริยาด จากการที่ผู้ก่อการร้ายในวันที่ 11 ก.ย. 2544 อย่างน้อย 15 จาก 19 ราย ถือสัญชาติซาอุดีอาระเบีย
อนึ่ง กฎหมายที่ครอบครัวของผู้สูญเสียใช้ฟ้องร้องรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย คือ กฎหมายว่าด้วยการเรียกร้องความยุติธรรมจากผู้สนับสนุนการก่อการร้าย หรือเรียกในชื่อย่อว่า "แจสตา" ( JASTA ) เปิดทางให้ผู้รอดชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิตดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลของประเทศที่สหรัฐประกาศให้เป็น "ผู้สนับสนุนก่อการร้าย" เช่นอิหร่านและซีเรีย แม้ไม่มีชื่อของรัฐบาลริยาดอยู่ในบัญชี แต่นายซากาเรียส มอสซาอุย หรือ "สลัดอากาศคนที่ 20" เคยให้การต่อศาลสหรัฐ ว่าราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียมอบเงินมหาศาลให้แก่กลุ่มอัล-กออิดะห์.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES