กรณี นายคม หรือ อดีตพระอาจารย์คม อายุ 39 ปี ร่วมกับพรรคพวก ยักยอกเงินวัดป่าธรรมคีรี กลุ่มผู้ต้องหามีการซุกซ่อนเงินของกลางไว้ที่บัญชีน้องสาวของนายคม รวมทั้งเงินสดที่แพ็กใส่กระเป๋าไว้ พบทองคำฝังดินไว้หลังวัด มูลค่าทรัพย์สินรวม ร่วม 200 ล้านบาท

เวลา 13.00 น. วันที่ 8 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปยังบริเวณหน้าวัดประตูทางเข้าวัดป่าธรรมคีรี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อติดตามความคืบหน้า โดยทราบว่า จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่จากสำนักพุทธ จ.นครราชสีมา และสำนักพุทธจากส่วนกลาง มาเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติม ร่วมกับคณะกรรมการที่แต่งตั้งไว้

โดยบริเวณประตูทางเข้า กำลังมีคนงานทำการก่อสร้างรั้วประตู และนำประตูเหล็กมากั้นไม่ให้สื่อมวลชนเข้า จนเวลา 14.20 น. พบรถตู้ สำนักพุทธฯ วิ่งเข้าไปในวัด คาดว่าภายในวัดเจ้าหน้าที่กองปราบปราม ที่เดินทางมาตรวจสอบร่วมกับคณะกรรมการ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม น่าจะอยู่ภายในวัดยังไม่ถอนกำลังออกจากวัด แต่มีแม่ชี 2 คน คอยกำกับดูแลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไป

แหล่งข่าวได้ให้รายละเอียดว่า เมื่อคืนวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา พระสงฆ์ร่วมกับจ้าหน้าที่กองปราบปราม ค้นหาที่ซ่อนทรัพย์สิน ตามจุดต่างๆ บนภูเขาด้านหลังวัด พบทองคำแท่ง และเงินสดได้เพิ่มเติม รวมทั้งที่พบก่อนนั้นที่ยักยอก คาดว่าหลายร้อยล้านบาท

จากการสอบถามนายห้อย ชาวบ้านที่ทำไร่อยู่ใกล้เขตวัดป่าธรรมคีรี บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ด้านหลังวัดเป็นพื้นที่ป่าภูเขา เชื่อมต่อพื้นที่วัด มีถ้ำอยู่หลายจุด และมีกุฏิที่พักสงฆ์ ปลูกกระจายตามภูเขามากกว่า 5-8 หลัง คนภายนอกไม่สามารถเข้าไปถึง และพบเห็นมีพระถือถุงดำ และสิ่งของนำไปเก็บไว้ มาตลอดหลายปีติดต่อกันโดยไม่ทราบเป็นอะไร และมีพระเดินตรวจเวรยามตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน คาดว่าอาจจะซุกซ่อนของมีค่าเอาไว้หรือไม่ เพราะชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปยุ่ง เพราะเป็นวัดที่ไม่ธรรมดา กลัวจะมีปัญหา เลยปิดเงียบ และเพียงแอบดูเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินยังร่วมกันตรวจสอบไม่หยุดยั้ง และตามกำหนดจะตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 พ.ค. นี้ แต่น่าจะไม่แล้วเสร็จตามกำหนด เพราะคาดว่ายังมีอีกหลายจุดที่บังตา เนื่องจากพื้นที่เป็นภูเขาสูง และคาดว่ายังมีทรัพย์สินที่ตรวจไม่พบอีกแน่นอน