เมื่อวันที่ 31 ส.ค. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 เดินทางตรวจเยี่ยม มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดปทุมธานี และตรวจความคืบหน้า ให้คำแนะนำในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยของ ตม.จว.ปทุมธานี
ทั้งนี้ ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และสิ่งอุปโภค บริโภค สำหรับใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
พร้อมทั้งได้มอบนโยบาย กำชับการปฏิบัติราชการให้แก่หน่วย ดังนี้
1.ให้หัวหน้าหน่วยทำความเข้าใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้ถือปฏิบัติเกี่ยวกับมาตรการข้อกำหนดต่างๆ ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรการที่ ผจว.มีประกาศ คำสั่ง รวมทั้งข้อสั่งการของ ตร. และให้ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
2.ให้หัวหน้าหน่วยดำเนินการหามาตรการและประชาสัมพันธ์คนต่างด้าวในพื้นที่ที่ระยะเวลาการอนุญาตจะครบกำหนด 31 ต.ค.64 ให้มาดำเนินการขออนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรก่อนการอนุญาตสิ้นสุด 45 วัน เพื่อลดความแออัดและเป็นไปตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19
3.ให้หัวหน้าหน่วยมีมาตรการป้องกันและจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ชุด PPE ให้กับข้าราชการในสังกัด และจัดไว้ ณ ที่ทำการ จุดบริการประชาชนอย่างเพียงพอ หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนจาก สตม.
4.กรณีพบข้าราชการตำรวจในสังกัดหรือครอบครัวติดเชื้อโควิด-19 ให้ หน.ตม.จว./ด่าน ตม. รับผิดชอบ ควบคุม กำกับดูแลในการเข้าถึงระบบสาธารณสุข การรับการรักษาที่สถานพยาบาล การแยกกักตัว ตลอดจนดูแลช่วยเหลือด้านสวัสดิการ การช่วยเหลืออื่นๆ ตามขีดความสามารถและรายงานข้อมูลในกลุ่มไลน์ระดับ บก. เพื่อประสานงาน
5.การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ Standard Operation Procedures (SOP) แต่ละแผนกของ สตม.
6.ให้เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณงบกลางโควิด 2019 ที่ได้รับจัดสรรเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้ข้าราชการผู้มีสิทธิรับเงินและชี้แจงความเข้าใจถึงสิทธิ์และรายละเอียดหลักเกณฑ์ในการเบิกจ่ายให้แก่ข้าราชการในสังกัดเข้าใจ อย่าให้เกิดการทุจริตหรือการร้องเรียนโดยเด็ดขาด
7.ให้สนับสนุนกำลังพลและอุปกรณ์เมื่อได้รับการร้องขอจากหน่วยตำรวจในพื้นที่ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด โดยให้ผู้บังคับบัญชาในหน่วยหมุนเวียนไปตรวจเยี่ยมและกำชับการปฏิบัติ
8.การโพสต์ข้อความต่างๆ ลงสื่อออนไลน์ ให้ผู้บังคับบัญชากำชับข้าราชการตำรวจในสังกัดมิให้แสดงความคิดเห็นในลักษณะไม่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อหน่วยงาน และกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ..