นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการกำกับดูแลชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง (เอทีเค) ว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ติดตามสถานการณ์การจำหน่ายอย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้ผู้ค้าฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร เอาเปรียบประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา ได้จับกุมดำเนินคดีกับผู้ค้าเอทีเค และยาฟ้าทะลายโจรในการราคาสูงเกินสมควรหลายสิบราย
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการพิจารณาการจำหน่ายชุดตรวจและน้ำยาที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัยการติดเชื้อโควิด ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน และมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข อย. องค์การเภสัชกรรม กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น อยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ราคา รวมทั้งพิจารณาแนะนำการกำกับดูแลเกี่ยวกับราคาเอทีเค เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ซึ่งจากการติดตามล่าสุด พบว่า ราคาขายในท้องตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง 10-20% และมีแนวโน้มลดลงอีก เพราะมีผู้จำหน่ายเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ข้อมูล ณ วันที่ 26 ส.ค.64 มีผู้ประกอบการนำเข้าและจำหน่ายชุดตรวจเอทีเคที่ขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) 40 ราย ได้แจ้งต้นทุนราคาชุดตรวจเอทีเคมาที่กรมการค้าภายในเพิ่มเป็น 37 ราย มีวางจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว 27 ราย ที่เหลือมีหนังสือขอผ่อนผันจัดส่งข้อมูล 1 ราย และอยู่ระหว่างจัดส่ง 2 ราย เพราะเพิ่งได้รับขึ้นทะเบียนจาก อย.
สำหรับราคาขายในท้องตลาด ขณะนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง 10-20% เมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขอนุมัติให้ขายเอทีเคในร้านขายยาได้ เมื่อปลายเดือนก.ค.64 ซึ่งขณะนั้นมีผู้ขายในท้องตลาดไม่ถึงสิบราย และราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ชุดละ 250-350 บาท และระยะต่อไปน่าจะลดลงได้อีกหากมีผู้ค้าเข้าสู่ตลาดมากกว่านี้ รวมถึงสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำเข้าเอทีเค 8.5 ล้านชุดมาแจกฟรีให้กับประชาชนราคาก็จะลดลงได้อีก