จากกรณี “ประกันสังคม” โอนเงินเยียวยาให้นายจ้าง แรงงาน ลูกจ้าง ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดนั้น โดยสำนักงานประกันสังคมจะโอนผ่านพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายๆ คนสงสัยว่า.. วิธีเช็กสิทธิทำอย่างไร? หากเช็กแล้วพบว่ามีสิทธิ แต่ยังไม่มีเงินเข้าบัญชี ต้องแก้ไขอย่างไรกัน?
วิธี “เช็กสิทธิประกันสังคม”
-เข้าไปที่ เว็บไซต์ www.sso.go.th
-กดคลิกที่ “ตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาฯ (ผู้ประกันตนมาตรา 40)”
-เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตน
-กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด
-จากนั้นกด “ค้นหา”
-ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมอัพเดทข้อมูลล่าสุดให้ทราบ
สำหรับผลการเช็กสิทธิ จะมี 2 แบบ คือ “ได้รับสิทธิ” และ “ไม่ได้รับสิทธิ”
“ได้รับสิทธิ” แต่เงินยังไม่เข้า ต้องทำอย่างไร?
ให้รีบดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน หรือใครที่เคยผูกกับเลขโทรศัพท์มือถือไว้ ก็ให้ไปเปลี่ยนพร้อมเพย์มาเป็นผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนโดยด่วน จากนั้นให้เข้าไปตรวจสอบสิทธิผ่าน www.sso.go.th ของสำนักงานประกันสังคมได้อีกครั้งทันที
กรณี “มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ครบถวน” แต่เช็กแล้ว “ไม่ได้รับสิทธิ” ต้องทำอย่างไร?
เข้าระบบสมาชิกผู้ประกันตนที่เว็บไซต์ www.sso.go.th เพื่อตรวจดูข้อมูลชื่อ-นามสกุล ในระบบประกันสังคม ที่เราเคยลงทะเบียนไว้ หากพบว่าชื่อเราไม่ตรงกับในระบบ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรายชื่อให้ถูกต้อง ดังนี้
–โทรศัพท์ติดต่อสำนักงานประกันสังคม (สายด่วนประกันสังคม 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง) แจ้งเจ้าหน้าที่ทำการเปลี่ยนข้อมูลให้ โดยเจ้าหน้าที่อาจขอให้ส่งเอกสาร เช่น บัตรประชาชน, เอกสารเปลี่ยนชื่อ-สกุล
-หรือ เดินทางไปที่สำนักงานประกันสังคมด้วยตัวเอง แล้วแจ้งขอเปลี่ยนข้อมูลในระบบ พร้อมนำบัตรประชาชน, เอกสารเปลี่ยนชื่อ-สกุล ติดตัวไปด้วย
-จากนั้นเข้าไป “ตรวจสอบสิทธิ” ที่เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมอีกครั้ง (หลังดำเนินการข้างต้นไปแล้ว 3-4 วัน)
ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคม “เปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ วันที่ 1 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม” สำหรับผู้ที่เข้าข่ายเงื่อนไขการเยียวยาใน 29 จังหวัดเท่านั้น โดยสามารถโทรฯ ติดต่อหมายเลข 1506, ติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพื้นที่สีแดงที่ตนเองอยู่ พร้อมทั้งเตรียม “บัตรประชาชน” ให้พร้อม เพื่อใช้ในการยืนยันสิทธิแก่เจ้าหน้าที่ อีกด้วย..