เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) กล่าวถึงนโยบายการดำเนินการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ช่วงก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยวางแผนเตรียมการปฎิบัติ โดยเฉพาะตนเองที่ได้รับมอบหมายปฎิบัติภารกิจในศูนย์ป้องกันและปราบปรามมือปืนรับจ้างและผู้มีอิทธิพล ซึ่งมี พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ก็ได้สั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศเก็บรวบรวมข้อมูลมือปืนรับจ้าง และผู้มีอิทธิพล และได้มีการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แล้วถ้าจุดใดมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นก็จะสั่งการให้กองบังคับการปราบปราม และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เข้าไปดำเนินการทันที โดยมีการเฝ้าระวังทุกพื้นที่ ซึ่งในการประชุมบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งที่แล้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เตรียมความพร้อมในทุกมิติ ให้มีแผนเผชิญเหตุ สืบสวนเก็บข้อมูลในท้องถิ่น และตั้งด่านปิดล้อมตรวจค้น นอกจากนี้ยังมีการติดตามกวาดล้างจับกุมการซื้อขายอาวุธปืนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ความรุนแรงในช่วงเลือกตั้งจากการไปใช้จ้างวานมือปืนรับจ้างและซุ้มมือปืนต่างๆ เพื่อก่อเหตุกับคู่แข่งหรือหัวคะแนนฝ่ายตรงข้ามนั้นแตกต่างจากในอดีต มือปืนรับจ้างมีน้อยลง เนื่องจากปัจจุบันประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น เพราะมีทั้งกล้องวงจรปิด กล้องจากโทรศัพท์มือถือ และกล้องติดหน้ารถ รวมถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การก่อเหตุยากขึ้น หากประชาชนมีข้อมูลเบาะแสเกี่ยวกับมือปืนรับจ้างให้แจ้งมา ตำรวจจะรีบดำเนินการทันที ส่วนผู้ต้องขังที่เพิ่งพ้นโทษซึ่งอาจมาก่อเหตุในช่วงเลือกตั้งนั้น มีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมด โดยให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ติดตามดูพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และเชื่อว่าจะไม่มีการก่อเหตุรุนแรงในลักษณะดังกล่าวในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน.