กระแสนักท่องเที่ยวจีน โอกาส-วิกฤติ!ของไทย

นักท่องเที่ยวจีน!! ได้กลายเป็นความหวังครั้งสำคัญของหลาย ๆ ประเทศ ด้วยเพราะจำนวนประชากรจีนที่มีจำนวนมาก และยังเป็นนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง

เช่นเดียวกับประเทศไทย... ที่ได้ตั้งความหวัง!! ความฝัน!! กับนักท่องเที่ยวจีน ที่ถือเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเครื่องยนต์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

มีการคาดการณ์กันว่าในปีนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางทั่วโลกกว่า 115 ล้านเที่ยวบิน และมีการจับจ่ายใช้สอยไม่น้อยกว่า 8.55 ล้านล้านบาท

ขณะที่ ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนจองเที่ยวบินมากที่สุด เช่นกัน แม้ยังไม่เทียบเท่ากับ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น แต่ไทยก็ติดท็อปไฟว์

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ตั้งเป้าหมายล่าสุดที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยในปีนี้ไม่น้อยกว่า 7-8 ล้านคน ขณะที่ในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน

นับตั้งแต่….จีนเปิดประเทศให้ประชากรจีน สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ทั้งในรูปแบบเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเอง และผ่านกรุ๊ปทัวร์ ก็ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวจีนได้สร้างกระแสการเดินทางเที่ยวเมืองไทยได้ไม่น้อย โดยเฉพาะกระแสการแต่งกาย ทั้งชุดนักเรียน ทั้งชุดไทย

แต่ขณะเดียวกันก็เกิดกระแสเที่ยวไทยอันตราย ซึ่งก็สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์เมืองไทยไม่น้อยทีเดียว โดย “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. ได้ให้สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท. ทั้ง 5 แห่ง ทั้งในปักกิ่ง เซียงไฮ้ เฉิงตู คุนหมิง กว่างโจว ติดตามอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด!! พบว่าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว เพราะการยื่นวีซ่าผ่านสถานทูตนั้นกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ด้วยเพราะพันธมิตรและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงและทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว

แม้กระแสเรื่องนี้จะเริ่มลดน้อยจางหายไปบ้างแล้ว แต่อีกเรื่องที่ยังกลายเป็นปัญหาคือเรื่องของ…กลุ่มนักธุรกิจจีน ที่มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจในประเทศไทย โดยผ่านเส้นทางในเรื่องของการท่องเที่ยว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ “ไกด์” ที่พบว่า หลังจากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น ก็ตามมาด้วยการเกิดปัญหา “ไกด์เถื่อน” ที่บรรดาผู้ประกอบอาชีพไกด์คนไทย ต่างเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน

อาชีพ…ไกด์!! หรือมัคคุเทศก์ ถือเป็นงานที่ห้ามคนต่างชาติทำโดยเด็ดขาด เพราะเป็นอาชีพสงวนของไทย คนต่างชาติจึงไม่สามารถขอใบอนุญาตทำงานต่อนายทะเบียนเพื่อทำงานนี้ได้

จากข้อมูลของ กระทรวงแรงงาน ที่ได้ออกประกาศไว้ชัดเจนตามกฎหมาย กำหนดให้ 27 งาน ที่ห้ามคนต่างด้าวทำอย่างเด็ดขาด ทั้งงานแกะสลักไม้, งานขับขี่ยานยนต์ ยกเว้นงานขับรถยก, งานขายทอดตลาด, งานเจียระไนเพชร พลอย, งานตัดผม เสริมสวย, งานทอผ้าด้วยมือ, งานทอเสื่อ หรืองานทำเครื่องใช้ด้วยกก หวาย ฟาง ไม้ไผ่ ขนไก่ เส้นใย

นอกจากนี้… ยังมีงานทำกระดาษสาด้วยมือ, งานทำเครื่องเขิน, งานทำเครื่องดนตรีไทย, งานทำเครื่องถม, งานทำเครื่องทอง เงิน นาก, งานทำเครื่องลงหิน, งานทำตุ๊กตาไทย, งานทำบาตร, งานทำผ้าไทยด้วยมือ, งานทำพระพุทธรูป, ทำร่มกระดาษสา ผ้า, งานนายหน้าตัวแทน

เช่นเดียวกับ…งานนวดไทย, งานมวนบุหรี่, งานมัคคุเทศก์, งานเร่ขายสินค้า, งานเรียงอักษร, งานสาวบิดเกลียวไหม, งานเลขานุการ และงานบริการทางกฎหมาย

หากใครละเมิด จะมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งระบุว่า… คนต่างด้าวที่ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-50,000 บาท และถูกส่งกลับประเทศต้นทาง รวมถึงห้ามขอใบอนุญาตทำงานเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับโทษ

ขณะที่ นายจ้างหรือสถานประกอบการ ที่รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงาน หรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000–1 แสนบาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000-2 แสนบาท ต่อคนต่างด้าวที่จ้างหนึ่งคน และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานเป็นเวลา 3 ปี

เอาเป็นว่า…แม้ในวิกฤติจะมีโอกาส แต่ขณะเดียวกันในโอกาส ก็มีวิกฤติ ด้วยเช่นกัน

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”