เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นายณรงค์ จุ้ยเส่ย ผู้บัญชาการเรือนจำกลางพิษณุโลก เปิดเผยถึงการควบคุมตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ และพวกรวม 7 คน หลังศาลอนุญาตให้ฝากขังว่า ผลตรวจหาเชื้อโควิดเมื่อวันที่ 26 และ 27 ส.ค. ปรากฏผลเป็นลบทั้ง 7 คน แต่ยังต้องอยู่ในห้องกักโรคให้ครบ 21 วันตามมาตรการป้องกันโรคโควิด ซึ่งสภาพห้องกักโรคเป็นลูกกรง มีกล้องวงจรปิดและพัดลมติดผนังภายนอกเท่านั้น ยืนยันภายในห้องกักโรคไม่มีแอร์อย่างที่สังคมภายนอกเข้าใจ ผู้ต้องขังจะได้รับผ้าห่ม 3 ผืน มีน้ำดื่มคนละหนึ่งขวด และเรือนจำได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบควบคุมส่งอาหารและน้ำ ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปหน้าห้องกักโรค
‘ผกก.โจ้’ผ่อนคลายกินอาหารได้ ร้องขอกระดาษปากกาเขียนจดหมายถึงพ่อแม่
นายณรงค์ กล่าวต่อว่า สำหรับสภาพจิตใจวันนี้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ มีอาการเครียดลดลง สามารถกินอาหารประจำวันของเรือนจำได้ปกติ อีกทั้งมีพยาบาลประจำดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำทุกคนอยู่แล้ว โดยทางเรือนจำได้อธิบายถึงการปฏิบัติตัวภายในเรือนจำให้ทำกิจวัตรประจำวัน สวดมนต์ ออกกำลังกายในห้อง ซึ่ง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และผู้ต้องขังยินดีปฏิบัติตาม โดยในวันพรุ่งนี้ (30 ส.ค.) จะมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ เข้าประเมินสภาพจิตใจอีกครั้ง ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีเป็นสิทธิของผู้ต้องขังที่สามารถทำได้ หากมีทนายประสานขอเข้าเยี่ยมเรือนจำก็อนุญาตตามเวลาราชการ แต่วันนี้วันหยุดไม่มีทนายเข้าเยี่ยม
“ในเรือนจำมีผู้ต้องขัง 5,000 คน เราต้องระวังไม่ให้เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทในเรือนจำ จึงต้องแยกขังผู้ต้องขังกลุ่มนี้ ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังคดีอื่น ส่วนที่มีข่าวว่าเรือนจำดูแลผู้ต้องขังกลุ่มนี้เป็นพิเศษ จัดให้นอนในห้องแอร์นั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กังวลกับข่าวนี้มาก จึงโทรศัพท์มาสอบถาม ผมได้ถ่ายรูปและรายงานให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ทราบแล้วว่า ห้องที่ใช้กักโรคผู้ต้องขังกลุ่มนี้มีสภาพเป็นลูกกรง อยู่ภายในแดน 4 มีเพียงพัดลมติดผนังด้านนอก 1 ตัว กล้องวงจรปิดภายใน 1 ตัวและภายนอก 1 ตัวเท่านั้น ซึ่งผู้ต้องขังก็ไม่ได้ขออะไรเป็นพิเศษ มีเพียงเมื่อวาน (28 ส.ค.) ที่ขอกระดาษและปากกาเขียนจดหมายหาญาติ ทางเรือนจำได้จัดให้และตรวจสอบถ้อยคำในจดหมายตามระเบียบก่อนนำส่งให้ ยืนยันเรือนจำดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียม” ผบ.เรือนจำกลางพิษณุโลก กล่าว