สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แถลงเมื่อวันจันทร์ เกี่ยวกับการล่มสลายของธนาคารสองแห่งในประเทศ ซึ่งเกิดขึ้นห่างกันภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน เริ่มจาก “ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์” ( เอสวีบี ) ที่เป็นสถาบันการเงินเพื่อสตาร์ตอัป และตามด้วย “ซิกเนเจอร์ แบงก์” ( เอสบี ) ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันให้กู้ยืมขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมเงินคริปโตฯ ว่าขอให้ชาวอเมริกันมั่นใจ “เงินฝากทุกดอลลาร์ในทุกบัญชียังปลอดภัย”
ผู้นำสหรัฐ ยืนยันว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่สัญญาณว่า ภาคการธนาคารในอเมริกาจะหวนกลับไปเผชิญกับวิกฤติแบบเดียวกับเมื่อปี 2551 และให้คำมั่นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำระบบตรวจสอบสถาบันการเงินทุกแห่ง “อย่างเข้มข้นขึ้น”
ดการแห่ถอนเงิน ทำให้ธนาคารขาดสภาพคล่อง และบีบให้ต้องขายพันธบัตรในอัตราดอกเบี้ยต่ำ จนขาดทุนอย่างหนัก
ด้านลูกค้าของเอสวีบี ทยอยเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้ เมื่อวันจันทร์ หลังเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศให้ความคุ้มครอง ในอีกด้านหนึ่ง ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น ( เอชเอสบีซี ) บรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซื้อกิจการของซิลิคอน วัลเลย์ ในสหราชอาณาจักร ด้วยราคา 1 ปอนด์ ( ราว 42 บาท ) เพื่อปกป้องบัญชีเงินฝากของลูกค้าเอสวีบีราว 3,500 รายในสหราชอาณาจักร แน่นอนว่า ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสตาร์ตอัป และเพื่อทำให้เอสวีบีรอดพ้นจากความเสี่ยง ของการที่ธนาคาแห่งอังกฤษ ( บีโออี ) เตรียมประกาศให้เอสวีบีมีสถานะ สถาบันการเงินที่ล้มละลาย.
เครดิตภาพ : REUTERS