สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ว่าสืบเนื่องจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน บริเวณประตูทางเข้าด้านหนึ่งของท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ชานกรุงคาบูล และบริเวณโรงแรมบารอน ซึ่งอยู่ใกล้กับสนามบินแห่งนี้ เมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น
กระทรวงสาธารณสุขของอัฟกานิสถานออกแถลงการณ์ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีทั้งสองจุด มีจำนวนรวมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 85 ราย รวมถึงสมาชิกกลุ่มตาลีบันอย่างน้อย 28 ราย และทหารอเมริกันอย่างน้อย 13 นาย นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 200 คน แต่ต่อมากลุ่มตาลีบันออกมาปฏิเสธการมีนักรบในสังกัดเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 
กลุ่มควันพวยพุ่งจากท่าอากาศยานนานาชาติฮามิด คาร์ไซ ซึ่งเป็นผลจากการโจมตีของกลุ่มไอเอส-โคราซาน
สำหรับการเสียชีวิตของทหารอเมริกันนั้น นับเป็นความสูญเสียมากที่สุดในคราวเดียวของกองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถาน นับตั้งแต่เกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ทหารถูกยิงตก เมื่อปี 2554 คร่าชีวิตทหารอเมริกัน 30 นาย
ส่วนหนึ่งของผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย โจมตีสนามบินคาบูลและโรงแรมที่อยู่ใกล้กัน เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ด้านกลุ่มไอเอส-โคราซาน ซึ่งเป็นเครือข่ายในอัฟกานิสถานของกลุ่มไอเอส รับสมอ้างเป็นผู้ลงมือ โดยพุ่งเป้าโจมตี "กลุ่มคนที่ทำงานให้กับกองทัพสหรัฐ" ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังคงยืนยันปิดฉากภารกิจถอนทหารและอพยพตามกำหนดการเดิม คือภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ แต่ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐสั่งการให้กองทัพเตรียมแผนการโจมตีกลุ่มไอเอส-โคราซานด้วย
ขณะที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศรับช่วยอพยพชาวอัฟกันเฉพาะผู้ที่ผ่านจุดคัดกรอง เข้าสู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติคาบูลแล้วเท่านั้น โดยประเมินแล้วมีประมาณ 1,000 คน ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินลำเลียงของกองทัพสหราชอาณาจักรทำการอพยพประชาชน ทั้งที่เป็นพลเมืองสหราชอาณาจักรและชาวอัฟกัน รวมแล้วมากกว่า 13,700 คน นับเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดอันดับสองในประวัติศาสตร์ของกองทัพ นับตั้งแต่วิกฤติเบอร์ลิน ในสมัยสงครามเย็น เมื่อปี 2492
ส่วนสเปนเป็นประเทศล่าสุด ที่ประกาศยุติภารกิจอพยพจากอัฟกานิสถาน ต่อจากโปแลนด์ เดนมาร์ก และเบลเยียม โดยให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวอัฟกัน 1,898 คน และนักการทูตสเปน ตลอดจนพลเมืองสเปนทั้งหมด.

เครดิตภาพ : AP