สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เยือนกรุงเคียฟ เมื่อวันอังคาร ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดระดับสูงสุด และได้รับการต้อนรับจาก ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน และ นางโอเลนา เซลเนสกา ภริยาและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
ทั้งนี้ ไบเดน ยืนยันสหรัฐ “ยืดหยัดเคียงข้าง” ยูเครน “นานตราบเท่าที่จำเป็น” และเตรียมมอบความสนับสนุนทางทหารเพิ่มอีก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 17,191.25 ล้านบาท ) ปัจจุบัน รัฐบาลวอชิงตันเป็นประเทศผู้สนับสนุนด้านอาวุธรายใหญ่ที่สุดของยูเครน
ขณะที่ เซเลนสกี แสดงความชื่นชมการเยือนกรุงเคียฟของไบเดน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การสู้รบกับรัสเซียปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ว่า ยิ่งเป็นการเน้นย้ำการเป็นพันธมิตรแนบแน่นของสหรัฐที่มีต่อยูเครน
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวต่อที่ประชุมความมั่นคงมิวนิก ( เอ็มเอสซี ) ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลวอชิงตันสืบสวนสอบสวน “หลักฐาน” เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมานานเกือบ 1 ปี “ภายใต้หลักกฎหมาย” จนกระทั่ง “ได้ข้อสรุป” ว่า รัสเซีย “ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” และบุคคลที่เกี่ยวข้อง “ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย”
แฮร์ริส กล่าวต่อไปว่า รัสเซีย “อ่อนแอลงมาก” หลังรัฐบาลไบเดนเป็นหัวเรือใหญ่อย่างเต็มรูปแบบ ในการนำพันธมิตรต่อสู้กับกองทัพรัสเซียของ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยอมรับว่า รัสเซียเดินหน้ารุกคืบได้อย่างต่อเนื่องในสมรภูมิทางตะวันออก ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลมอสโกตั้งแต่ต้น.
เครดิตภาพ : REUTERS